เท้าแบนๆ (ตอนที่ 3)

27 พฤศจิกายน 2014

การวินิจฉัยเท้านั้น แพทย์อาจสังเกตดูจากด้านหน้าและด้านหลังเท้า และให้ยืนบนปลายเท้า หรือดูจากรูปรอยของรองเท้าที่ใส่อยู่เป็นประจำ หากมีอาการปวดที่เท้ามาก แพทย์อาจให้ทำการทดสอบดังต่อไปนี้

• การเอ็กซเรย์ (X-rays) เพื่อดูภาพของกระดูกและข้อต่อที่เท้าโดยทั่วไป
• การทำซีทีสแกน (Computerized tomography = CT scan) เพื่อดูเท้าในมุมที่หลากหลายซึ่งจะให้ข้อมูลที่ละเอียดกว่าการเอ็กซเรย์ธรรมดา
• การทำอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ในกรณีที่แพทย์พบว่ามีการบาดเจ็บของเส้นเอ็น ซึ่งคลื่นเสียงจะช่วยให้ภาพที่ละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissues) ในร่างกายได้
• การทำเอ็มอาร์ไอ (Magnetic resonance imaging = MRI) ที่สามารถให้ข้อมูลของเนื้อเยื่ออ่อนและเนื้อเยื่อแข็งได้อย่างละเอียด

โดยทั่วไปภาวะเท้าแบนอาจไม่จำเป็นต้องรักษาเพราะไม่ก่อให้เกิดอาการปวดแต่อย่างใด แต่หากมีอาการเจ็บเท้า แพทย์อาจแนะนำให้

• ใช้กายอุปกรณ์ (Orthotic devices) ที่ช่วยเสริมอุ้งเท้า (Arch supports) ซึ่งมีจำหน่ายทั่วไปหรือทำขึ้นเพื่อให้เหมาะกับเท้าคนนั้นโดยเฉพาะ (Custom-designed arch supports) ทั้งนี้ การใส่ที่เสริมอุ้งเท้าไม่ได้เป็นการรักษาเท้าให้หายแบน แต่เป็นเพียงการช่วยลดอาการเท่านั้น
• ยืดเอ็นและกล้ามเนื้อ (Stretching exercises) โดยเฉพาะเส้นเอ็นร้อยหวาย (Achilles tendon)
• ใส่รองเท้าที่เหมาะกับเท้า โดยใส่รองเท้าที่มีส่วนเสริมปรับสภาพเท้า (Supportive shoe) มากกว่าการใส่รองเท้าแตะแบนราบ
• ทำกายภาพบำบัด (Physical therapy)
• ฉีดยาเพื่อลดอาการอักเสบ เช่น ยา Corticosteroids

ส่วนการรักษานั้นขึ้นกับสาเหตุของเท้าแบน อย่างไรก็ดี ไม่นิยมการผ่าตัดเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการแก้เท้าแบนเพียงอย่างเดียว แต่มักทำร่วมกับปัญหาอื่น เช่น มีปัญหาเรื่องเอ็นฉีกหรือขาด

ทั้งนี้ หลังการผ่าตัดเท้าอาจพบกับภาวะดังต่อไปนี้ได้

• เท้ายังคงผิดรูป ไม่หาย
• เกิดการติดเชื้อ
• การเคลื่อนไหวข้อเท้าทำได้ไม่ดี
• ไม่หายเจ็บเท้า

แหล่งข้อมูล

1. Flatfeet. [2014, November 26].
2. Flat feet. [2014, November 26].
3. What Are Fallen Arches? [2014, November 26].