on
เกาต์กำเริบ (ตอนที่ 4)
26 เมษายน 2016
ระยะเวลาของอาการเกาต์โดยประมาณ
- ส่วนใหญ่จะหายหลัง 1 สัปดาห์
- กรณีที่เป็นแบบอ่อนอาจจะหายภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือ 1-2 วัน ทำให้มีการวินิจฉัยผิดคิดว่าเป็นโรคเอ็นอักเสบ (Tendinitis) หรือ ข้อเคล็ดข้อแพลง (Sprain)
- กรณีที่เป็นแบบรุนแรงจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือนานถึง 1 เดือน
- ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นเกาต์จะกลับมาเป็นอีกครั้งภายในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี หลังการเป็นครั้งแรก และหากไม่ทำการรักษาจะทำให้มีโอกาสเกาต์กำเริบบ่อยขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกรดยูริกสูงอันเป็นสาเหตุให้เกิดเกาต์ ได้แก่
อาหาร – การกินอาหารที่เป็นพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องดื่มที่มีรสหวานด้วยฟรุคโตส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเบียร์ จะเพิ่มระดับของกรดยูริก
การขาดน้ำอยู่บ่อยๆ (Dehydration)
ความอ้วน – หากมีน้ำหนักเกิน ร่างกายจะผลิตกรดยูริกมากขึ้น และไตจะใช้เวลามากในการกำจัดกรดยูริก
โรคอื่นๆ – โรคบางชนิดก็มักทำให้มีโอกาสเป็นเกาต์ได้มากขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคเรื้อรังอย่าง โรคเบาหวาน กลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) โรคหัวใจ และโรคไต
ยาบางชนิด – เช่น ยาขับปัสสาวะกลุ่มยาไทอะไซด์ (Thiazide diuretics) ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาแอสไพริน ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy medicines) หรือยาป้องกันการปฏิเสธอวัยวะ (Anti-rejection drugs) ที่ใช้ในผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ ล้วนสามารถเพิ่มระดับของกรดยูริกได้
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกาต์ – จะมีความเสี่ยงในการเป็นเกาต์มากขึ้น
อายุและเพศ – เกาต์มักเกิดในเพศชายเพราะมีกรดยูริกมากกว่าเพศหญิง อย่างไรก็ดีหลังวัยหมดประจำเดือน เพศหญิงจะมีกรดยูริกพอๆ กับเพศชาย นอกจากนี้เพศชายมักเป็นเกาต์ตอนอายุระหว่าง 30-50 ปี ในขณะที่เพศหญิงมักมีอาการเป็นเกาต์หลังวัยหมดประจำเดือน
มีการผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บ – จะมีความเสี่ยงในการเป็นเกาต์มากขึ้น
เป็นโรคแต่กำเนิดที่เป็นสาเหตุให้มีระดับกรดยูริคในเลือดสูง เช่น ผู้ที่เป็นโรค Kelley-Seegmiller syndrome หรือโรค Lesch-Nyhan syndrome ซึ่งจะขาดเอนไซม์ในการควบคุมระดับกรดยูริค
ผู้ที่เป็นโรคเกาต์สามารถมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ถ้า
- มีการกลับมาเป็นซ้ำ (Recurrent gout) – บางคนอาจไม่มีอาการกลับมาเป็นซ้ำ ในขณะที่บางคนมีการเป็นซ้ำหลายครั้งในแต่ละปี ซึ่งยาอาจจะช่วยได้ แต่หากไม่ทำการรักษาแล้วเกาต์จะเป็นสาเหตุให้ข้อถูกทำลาย
- เกาต์ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมของผลึกยูเรทใต้ผิวหนังที่เป็นก้อน Tophi ในหลายบริเวณ เช่น นิ้วมือ มือ เท้า ข้อศอก หรือเอ็นร้อยหวายหลังเท้า ซึ่งมักจะไม่เจ็บ แต่จะบวมและนุ่มระหว่างที่เกาต์กำเริบ
- ผลึกยูเรทอาจสะสมในทางเดินปัสสาวะของผู้ที่เป็นโรคเกาต์ทำให้เป็นนิ่วในไต (Kidney stones)
แหล่งข้อมูล
1. Gout. [2016, April 25].
2. Gout. [2016, April 25].