เกาต์กำเริบ (ตอนที่ 4)

26 เมษายน 2016
เกาต์กำเริบ

ระยะเวลาของอาการเกาต์โดยประมาณ

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกรดยูริกสูงอันเป็นสาเหตุให้เกิดเกาต์ ได้แก่

  • อาหาร – การกินอาหารที่เป็นพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องดื่มที่มีรสหวานด้วยฟรุคโตส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเบียร์ จะเพิ่มระดับของกรดยูริก
  • การขาดน้ำอยู่บ่อยๆ (Dehydration)
  • ความอ้วน – หากมีน้ำหนักเกิน ร่างกายจะผลิตกรดยูริกมากขึ้น และไตจะใช้เวลามากในการกำจัดกรดยูริก
  • โรคอื่นๆ – โรคบางชนิดก็มักทำให้มีโอกาสเป็นเกาต์ได้มากขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคเรื้อรังอย่าง โรคเบาหวาน กลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) โรคหัวใจ และโรคไต
  • ยาบางชนิด – เช่น ยาขับปัสสาวะกลุ่มยาไทอะไซด์ (Thiazide diuretics) ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาแอสไพริน ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy medicines) หรือยาป้องกันการปฏิเสธอวัยวะ (Anti-rejection drugs) ที่ใช้ในผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ ล้วนสามารถเพิ่มระดับของกรดยูริกได้
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกาต์ – จะมีความเสี่ยงในการเป็นเกาต์มากขึ้น
  • อายุและเพศ – เกาต์มักเกิดในเพศชายเพราะมีกรดยูริกมากกว่าเพศหญิง อย่างไรก็ดีหลังวัยหมดประจำเดือน เพศหญิงจะมีกรดยูริกพอๆ กับเพศชาย นอกจากนี้เพศชายมักเป็นเกาต์ตอนอายุระหว่าง 30-50 ปี ในขณะที่เพศหญิงมักมีอาการเป็นเกาต์หลังวัยหมดประจำเดือน
  • มีการผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บ – จะมีความเสี่ยงในการเป็นเกาต์มากขึ้น
  • เป็นโรคแต่กำเนิดที่เป็นสาเหตุให้มีระดับกรดยูริคในเลือดสูง เช่น ผู้ที่เป็นโรค Kelley-Seegmiller syndrome หรือโรค Lesch-Nyhan syndrome ซึ่งจะขาดเอนไซม์ในการควบคุมระดับกรดยูริค
  • ผู้ที่เป็นโรคเกาต์สามารถมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ถ้า

    แหล่งข้อมูล

    1. Gout. [2016, April 25].

    2. Gout. [2016, April 25].