วิ่งอย่างไรจึงจะเกิดประสิทธิภาพ

การวิ่ง นับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะทั้งไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเป็นกิจกรรมที่ทำได้ในหลายสถานที่ ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง ช่วยควบคุมน้ำหนัก เป็นต้น

การวิ่ง

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวิ่งเกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น ผู้วิ่งควรศึกษาถึงวิธีการวิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมก่อนที่จะเริ่มวิ่ง

วิ่งอย่างไรจึงจะถูกวิธี ?

ในการวิ่งหากมีเทคนิคที่ดีก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ช่วยให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลงและรู้สึกสนุกกับการวิ่งได้มากขึ้น โดยมีวิธีเบื้องต้นที่จะช่วยให้การวิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังต่อไปนี้

การวิ่งมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์ ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์และฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและหัวใจให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหัวใจจะสามารถสูบฉีดโลหิตได้ดีและช่วยให้กล้ามเนื้อใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิ่งยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีมากกว่าการออกกำลังกายประเภทอื่น หากวิ่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อเผาผลาญแคลอรี่และบริโภคอาหารให้น้อยกว่าแคลลอรี่ที่ได้เผาผลาญไป ก็จะมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL Cholesterol) และที่สำคัญการวิ่งเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหลอดเลือดสมอง รวมไปถึงช่วยส่งเสริมด้านอารมณ์และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

นอกจากนั้น การวิ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดไขมันในร่างกาย ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และลดความดันโลหิตสูง

การวิ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บอย่างไร ?

จากการศึกษาวิจัยพบว่า การวิ่งในระยะทางมากกว่า 64 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น ผู้ที่มีประวัติเคยได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งมาก่อนแล้วนับเป็นปัจจัยที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการบาดเจ็บในอนาคตได้ การบาดเจ็บที่พบบ่อยมักเกิดขึ้นกับหัวเข่า ขาส่วนล่าง เท้า และขาส่วนบน ตามลำดับ ส่วนความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่พบได้น้อย ได้แก่ ข้อเท้าและสะโพก หรือเชิงกราน

อย่างไรก็ตาม การวิ่งอย่างถูกวิธีหรือมีเทคนิคที่ดีในการวิ่ง รวมไปถึงการอบอุ่นร่างกายก่อนการวิ่งทุกครั้งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้

นอกจากนั้น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหืด หรือปวดหลังหรือข้อต่อ การวิ่งและการออกกำลังกายจะมีประโยชน์ต่อโรคดังกล่าว แต่ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนเกี่ยวกับความปลอดภัย