วิธีแก้ปวดหลังที่ได้ผล

ปวดหลัง เป็นอาการที่พบได้บ่อยและสร้างปัญหาให้แก่คนส่วนใหญ่ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องเคยมีประวัติการปวดหลังอย่างน้อยคนละ 1 ครั้ง อาการปวดหลังมักไม่ได้มีสาเหตรุนแรงและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยแก้ปวดหลังให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ด้วยตนเองหรือรักษาโดยแพทย์

แก้ปวดหลัง

อาการปวดหลังมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?

อาการปวดหลังแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ อาการปวดหลังชนิดเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นมาทันทีและเป็นต่อเนื่องไม่เกิน 6 สัปดาห์ อาจมีสาเหตุจากอุบัติเหตุหรือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น หกล้ม หรือยกของหนักเกินไป และอาการปวดหลังชนิดเรื้อรัง เป็นอาการปวดหลังที่เป็นต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แต่จะพบได้น้อยกว่าอาการปวดหลังชนิดเฉียบพลัน

สำหรับอาการปวดหลังที่พบโดยทั่วไป อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

นอกจากนั้น หากพบว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ กลั้นอุจจาระไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออกหรือรู้สึกชารอบ ๆ บริเวณทวารหนัก ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะที่มีความรุนแรง

ปัจจัยเสี่ยงของอาการปวดหลัง

ปัจจัยต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการปวดหลังได้

วิธีแก้ปวดหลัง

วิธีดูแลและบรรเทาอาการปวดหลังด้วยตนเองเบื้องต้น ได้แก่

ตัวอย่างวิธีบริหารร่างกายเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลังด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม หากการดูแลรักษาด้วยตนเองเบื้องต้นไม่ได้ผล ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ยาใช้รักษา ได้แก่

การกายภาพบำบัดและการบริหารร่างกาย

การกายภาพบำบัดเป็นอีกวิธีที่มีความสำคัญในการรักษาอาการปวดหลัง โดยนักกายภาพบำบัดจะสามารถปรับใช้รูปแบบของวิธีที่หลากหลายกับกล้ามเนื้อหลังและเนื้อเยื่อเพื่อลดอาการปวด เช่น การใช้ความร้อน อัลตราซาวด์ การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า หรือบำบัดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เมื่อการทำกายภาพบำบัดบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้นแล้ว นักกายภาพบำบัดจะสอนวิธีการบริหารที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง รวมไปถึงสอนการปรับปรุงท่าทางของผู้ป่วยในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเมื่อผู้ป่วยทำได้เป็นประจำ จะช่วยป้องกันอาการปวดกลับมาเป็นซ้ำ

การผ่าตัด

การผ่าตัดจะใช้กับผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดหลังอย่างต่อเนื่องและปวดลามไปถึงขา หรือผู้ป่วยที่กล้ามเนื้ออ่อนแอโดยมีสาเหตุจากเส้นประสาทถูกกดทับ
นอกจากนั้น การผ่าตัดมักจะใช้รักษาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโครงสร้าง เช่น โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis) หรือโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท (Herniated Disc) และจะใช้วิธีผ่าตัดเมื่อโรคเหล่านี้ไม่ตอบสนองต่อการรักษาชนิดอื่น