มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ สาเหตุ การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 7 วิธี

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (ภาษาอังกฤษ: Bladder cancer) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในกระเพาะปัสสาวะที่มีการเจริญเติบโต แบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วและมากผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกขึ้นมา และก้อนเนื้องอกนี้สามารถเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจเต็มกระเพาะปัสสาวะ ลุกลามไปยังอวัยวะและต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง และแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้อหากตรวจพบโรคได้เร็วก็จะมีโอกาสหายได้มาก อย่างไรก็ตาม แม้จะตรวจพบได้ในระยะแรกและรักษาหายแล้ว แต่มะเร็งชนิดนี้ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง (Recurrence)

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่พบได้ประมาณ 3% ของโรคมะเร็งทั้งหมด พบได้มากเป็นอันดับ 6 ของโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชายรองจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก สามารถพบเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 3-4 เท่า และพบได้มากในช่วงอายุ 50-70 ปี

ชนิดของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ชนิดของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของเซลล์ ซึ่งได้แก่

สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่พบว่ามีหลายปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้ เช่น

อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ในระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง อาจตรวจพบได้โดยบังเอิญจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเม็ดเลือดในปัสสาวะ แต่เมื่อมีอาการเกิดขึ้น อาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คือ

อาการมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
IMAGE SOURCE : www.dailystar.co.uk
มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
IMAGE SOURCE : chennaiurology.com, www.hkbh.org.hk, www.ruraldr.com.au, urologie-bad-segeberg.de, www.med.umich.edu, www.shergillurology.com

ระยะของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ระยะของโรคมีความสำคัญอย่างมากในการพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่น ๆ คือ

การตรวจวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้จาก

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง ระยะของโรค อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

โดยทั่วไปหากมะเร็งยังมีขนาดเล็กอยู่และยังไม่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ แพทย์อาจให้การรักษาโดยการสอดเครื่องมือเล็ก ๆ เข้าไปทางท่อปัสสาวะแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าจี้ที่ก้อนมะเร็งเพื่อทำลายมะเร็งให้หมดไป หรือใช้วิธีการตัดเอาก้อนเนื้องอกออก (Transurethral resection of bladder tumor – TURBT) แล้วเย็บผนังของกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจป้องกันไม่ให้โรคกลับมาเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาเคมีบำบัดใส่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ แล้วกักเก็บไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วจึงถ่ายทิ้ง ซึ่งผู้ป่วยจะยังคงปัสสาวะได้เป็นปกติ ส่วนในระยะที่มะเร็งลุกลามเข้าไปถึงชั้นกล้ามเนื้อแล้ว อาจต้องทำการตัดเอากระเพาะปัสสาวะออก (Cystectomy) แล้วทำทางเดินปัสสาวะใหม่ สำหรับระยะที่มะเร็งลุกลามออกไปนอกผนังกระเพาะปัสสาวะหรืออวัยวะข้างเคียง การรักษาจะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดเป็นหลักในผู้ป่วยที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงพอ และอาจพิจารณาใช้รังสีรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ภาวะอุดตันของท่อไตจากมะเร็ง อาการปวดกระดูกจากโรคที่แพร่กระจายไปยังกระดูกบริเวณต่าง ๆ แต่ถ้าผู้ป่วยไม่แข็งแรงพอ แพทย์อาจให้การรักษาแบบประคับประคองอาการเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยเท่านั้น เช่น ให้เลือดเมื่อมีภาวะซีด เลือดออกทางปัสสาวะมากและเรื้อรัง ให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด เป็นต้น

  1. การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะเพื่อตัดชิ้นเนื้องอกของกระเพาะปัสสาวะออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Transurethral resection of bladder tumor – TURBT) หรือจี้ทำลายก้อนมะเร็งด้วยกระแสไฟฟ้า (Fulguration) มักใช้กับมะเร็งระยะแรกที่มะเร็งยังจำกัดอยู่แค่บริเวณเบื่อบุกระเพาะปัสสาวะ ส่วนมะเร็งที่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะแล้ว การรักษาด้วยวิธีนี้มักไม่ได้ผล และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หลังการผ่าตัดด้วยวิธีนี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดหรือมีปัสสาวะในเลือดเป็นเวลา 2-3 วันหลังการผ่าตัด
    การผ่าตัดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
    IMAGE SOURCE : healthbuds.in, www.drtimnathan-urology.com.au, westcoasturology.com
  2. การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกบางส่วน (Partial cystectomy หรือ Segmental cystectomy) มักทำในกรณีที่มะเร็งยังไม่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ อาจอยู่บริเวณส่วนโค้งด้านบนของกระเพาะปัสสาวะ เนื้องอกมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และเป็นอยู่เพียงตำแหน่งเดียวในกระเพาะปัสสาวะ แต่หลังการผ่าตัดความจุของกระเพาะปัสสาวะจะลดลง ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาคาสายสวนปัสสาวะทั้งทางหน้าท้องเหนือหัวเหน่าหรือทางท่อปัสสาวะ ผู้ป่วยจึงต้องมีการดูแลให้น้ำปัสสาวะไหลได้สะดวก และการรักษาด้วยวิธีนี้อาจทำร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด
  3. การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมด (Radical cystectomy) รวมทั้งท่อไตส่วนปลาย ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงในอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ในเพศชายจะมีการผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากและต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิออกด้วย ส่วนผู้หญิงจะมีการผ่าตัดเอาบางส่วนของช่องคลอด มดลูก และรังไข่ออก (ในปัจจุบันการผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีแนวโน้มที่จะใช้หุ่นยนต์มากขึ้น (Robotic surgery) เพราะเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและเลือดไหลไม่หยุด) มักทำในกรณีที่มะเร็งมีการลุกลามเข้าไปยังชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะแล้ว
    การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
    IMAGE SOURCE : www.windhamurologygroup.com
  4. การผ่าตัดทำทางเดินปัสสาวะใหม่ (Urinary diversion) ภายหลังการผ่าตัดปัสสสาวะออก ซึ่งแพทย์สามารถทำได้ 3 วิธีหลัก ๆ คือ
    • Ileal conduit เป็นการนำท่อไตทั้ง 2 ข้างมาเย็บต่อเข้ากับส่วนของลำไส้เล็กส่วนปลายที่นำมาทำเป็นกระเพาะปัสสาวะใหม่แล้วเปิดทางหน้าท้อง เรียกว่า “ทวารเทียม” หรือ “สโตมา” (Stoma) เพื่อใช้เป็นช่องทางขับถ่ายปัสสาวะ (สโตมาจะอยู่บริเวณหน้าท้องด้านขวาส่วนล่าง เป็นสโตมาที่เปิดถาวรและไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยจะต้องใช้ถุงรองรับปัสสาวะตลอดเวลา)
    • Indiana pouch เป็นการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ส่วนต้นและลำไส้เล็กส่วนปลายมาดัดแปลงเป็นกระเพาะปัสสาวะใหม่ แล้วเย็บต่อกับท่อไตทั้ง 2 ข้าง และเปิดทางหน้าท้อง (ลักษณะของสโตมาจะมีขนาดเล็ก สามารถใช้พลาสเตอร์ยาหรือผ้าสะอาดปิดได้) การผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีข้อคือ สามารถป้องกันไม่ให้ปัสสาวะไหลย้อนกลับเข้าสู่ไตและป้องกันการติดเชื้อที่ไตได้ อีกทั้งผู้ป่วยยังสามารถควบคุมการขับถ่ายได้โดยการใช้สายสวนปัสสาวะออกเป็นครั้ง ๆ อาจจะทุก 4-6 ชั่วโมง ดังนั้น ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องใส่ถุงรองรับปัสสาวะ
    • Neobladder เป็นการผ่าตัดทำกระเพาะปัสสาวะขึ้นมาใหม่โดยใช้บางส่วนของลำไส้เล็กมาเย็บติดเป็นกระเปาะเชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะ แล้วนำท่อไตทั้ง 2 ข้างมาเย็บต่อเข้ากระเพาะปัสสาวะใหม่ และมีข้อดีเหมือนวิธี Indiana pouch
      การผ่าตัดทำทางเดินปัสสาวะใหม่
      IMAGE SOURCE : bradyurology.blogspot.com
  5. การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง ซึ่งอาจเป็นการให้หลังการผ่าตัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่ หรือให้ก่อนการผ่าตัดเพื่อทำให้ก้อนเนื้อที่จะผ่าตัดนั้นมีขนาดเล็กลง และบางกรณีอาจมีการนำมาใช้คู่กับรังสีรักษา โดยที่ผู้ป่วยนั้นจะต้องมีสภาพสภาพร่างกายที่สมบูรณ์และการทำงานของไตยังเป็นปกติ
  6. การใช้รังสีรักษา (Radiation therapy) เป็นการรักษาโดยการใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง มักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับการรักษาด้วยการผ่าตัดได้เนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อม หรือมีความเสี่ยงสูงจากการดมยาสลบ หรือผู้ป่วยอยากเลือกวิธีนี้แทนการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้รังสีรักษาในรายที่มะเร็งลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะแล้ว หรือมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง หรือมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น รวมถึงในผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการผ่าตัดแล้วพบว่ามีเนื้องอกมะเร็งเหลืออยู่หรือมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และการรักษาอาจทำร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด
  7. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ประโยชน์จากภูมิต้านทานที่มีตามธรรมชาติให้ทำหน้าที่ต่อสู้กับตัวที่ทำให้เกิดโรค

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะตามระยะของโรค

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

  1. ผู้ป่วยควรรับประทานผักและผลไม้สดให้มาก รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ นมสด ปลา เป็นต้น ส่วนผู้ดูแลควรปรุงอาหารตามที่ผู้ป่วยชอบ แต่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดและอาหารที่ย่อยได้ยาก
  2. ครอบครัวต้องให้กำลังใจผู้ป่วยและช่วยขจัดอารมณ์ที่ไม่ดีของผู้ป่วยออกไป
  3. เนื่องจากการดูแลตนเองจะเหมือนกับโรคมะเร็งอื่น ๆ ซึ่งจะขอกล่าวถึงต่อไปอย่างละเอียดในเรื่อง การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง และการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง
  4. เนื่องจากโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้มาก ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรติดตามผลการรักษาทุก 3-6 เดือนในปีแรก และใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะทุกปี

ผลการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะจัดเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคยังขึ้นอยู่กับระยะของโรค อายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยพบว่าอัตราการอยู่รอดชีวิตภายหลังการรักษา 5 ปี ในโรคระยะที่ 0 คือ ประมาณ 98%, ระยะที่ 1 ประมาณ 88%, ระยะที่ 2 ประมาณ 63%, ระยะที่ 3 ประมาณ 46% และระยะที่ 4 ประมาณ 15% (สถิติของ The National Cancer Institute’s SEER ในสหรัฐอเมริกา)

ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ผลการรักษาในแต่ละวิธีจะแตกต่างกันไป และผลข้างเคียงอาจพบได้มากขึ้นหากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยหลาย ๆ วิธีร่วมกัน

การตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองให้พบโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นเมื่อมีอาการผิดปกติดังกล่าวต่าง ๆ เกิดขึ้น จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

การป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่มีคำแนะนำที่อาจช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้บ้าง คือ การลดหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อสาเหตุ เช่น

  1. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนก่อนเข้านอน เพราะจะมีการตกค้างของสารก่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานานในช่วงที่นอนหลับ
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะดังที่กล่าวไป และหากต้องทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีจะต้องปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีอย่างเคร่งครัด
  3. ดื่มน้ำให้มาก ๆ ทุกวัน เพื่อช่วยละลายสารพิษที่อาจสะสมอยู่ในปัสสาวะและชะล้างสารพิษในกระเพาะปัสสาวะออกให้เร็วที่สุด
  4. กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ และหลากหลายชนิด เพราะผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้
  5. หากสงสัยว่าเป็นโรคนี้ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด หรือรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 1173-1174.
  2. National Cancer Institute.  “Bladder cancer”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.cancer.gov.  [02 พ.ค. 2017].
  3. ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  “มะเร็งตับกระเพาะปัสสาวะ”.  (นพ.ศิวัฒม์ ภู่ริยะพันธ์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : sriphat.med.cmu.ac.th.  [03 พ.ค. 2017].
  4. หน่วยสารสนเทศมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์.  “มะเร็งตับกระเพาะปัสสาวะ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : medinfo2.psu.ac.th/cancer/.  [03 พ.ค. 2017].
  5. หาหมอดอทคอม.  “มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder cancer)”.  (พญ.ชลศณีย์ คล้ายทอง).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [04 พ.ค. 2017].
  6. โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว.  “มะเร็งตับกระเพาะปัสสาวะ”. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.moderncancerthai.com.  [04 พ.ค. 2017].
  7. พยาบาลสาร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  “การดูแลผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหลังผ่าตัดเปลี่ยนช่องทางขับถ่ายปัสสาวะ”.  (พัชรินทร์ ไชยสุรินทร์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.tci-thaijo.org.  [05 พ.ค. 2017].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 2 ชนิดของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 3 สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 4 อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 5 ระยะของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 6 การตรวจวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 7 การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 8 การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะตามระยะของโรค
  • 9 การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 10 ผลการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 11 ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 12 การตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 13 การป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • 14 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ