12 สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกอมขม (ดีงูต้น)

กอมขม

กอมขม ชื่อวิทยาศาสตร์ Picrasma javanica Blume จัดอยู่ในวงศ์ปลาไหลเผือก (SIMAROUBACEAE)[1]

สมุนไพรกอมขม มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตะพานก้น (เชียงใหม่), ดีงูต้น (พิษณุโลก), ก้ามกุ้งต้น (ชุมพร), ดำ (นครศรีธรรมราช), จันเขา (สุราษฎร์ธานี), หงีน้ำ หยีน้ำใบเล็ก (ตรัง), ขางขาว ขางครั้ง ดีงูต้น ตะพ้านก้น มะค้า กอมขม (ภาคเหนือ), กะลำเพาะต้น ไม้หอมตัวผู้ หมาชล (ภาคตะวันออกเฉียงใต้), ดำ หงีน้ำ หยีน้ำใบเล็ก (ภาคใต้), บะกอมขม (คนเมือง), หมักกอม (เงี้ยว-เชียงใหม่), เนียะปะโจ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), มะปอจอ (กะเหรี่ยง-ภาคเหนือ), กรอสะนาสมูล (เขมร-ภาคตะวันออกเฉียงใต้) เป็นต้น[1],[2],[4]

ลักษณะของกอมขม

ต้นกอมขม

ใบกอมขม

ดอกกอมขม

ผลกอมขม

สรรพคุณของกอมขม

  1. ตำรายาไทยจะใช้เปลือกต้นกอมขมเป็นยาแก้ไข้ ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ไข้ป้าง และไข้ทุกชนิด (เปลือกต้น)[1],[3],[6] ส่วนชาวชวาจะใช้ใบเป็นยาแก้ไข้ (ใบ)[2]
  1. เนื้อไม้มีรสขม มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้จับสั่น ไข้เหลือง (เนื้อไม้)[6],[7]
  2. ผลใช้บดเป็นยากวาดคอเด็ก มีรสขม ช่วยแก้อาการเจ็บคอ (ผล)[3],[6]
  3. ใบและเปลือกต้น ใช้ต้มกับน้ำอาบรักษาอาการคันตามตัวหรือผื่นคัน (ใบและเปลือกต้น)[4]
  4. ใบใช้ต้มล้างแผลที่ถูกบุ้ง เป็นยาแก้พิษบุ้ง (ใบ)[5]
  5. สมุนไพรที่มีรสขมจะมีสรรพคุณเป็นยาแก้พยาธิในเด็ก บำรุงน้ำดี และเป็นยาแก้ไข้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “กอมขม” (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[7]
  6. เปลือกต้นมีสารแควสซิน (quassiin) ให้รสขม ในพม่าและชวาจะใช้แทนควินิน (เปลือกต้น)[2]
  7. นอกจากสรรพคุณที่กล่าวมาแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นที่ระบุด้วยว่า ทั้งต้นกอมขมนั้นมีสรรพคุณบำรุงน้ำดี แก้ไข้จับสั่น, เปลือกต้นใช้เป็นยาพอกแผล, ลำต้นใช้เป็นยาบำรุงเลือด แก้ไข้จับสั่น ส่วนใบใช้เป็นยารักษาแผลอักเสบ เป็นหนอง[8]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกอมขม

ประโยชน์ของกอมขม

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ).  “กอมขม”.  หน้า 92.
  2. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กอมขม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [22 มิ.ย. 2015].
  3. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “กอมขม”.  อ้างอิงใน : หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2, หนังสือไม้ต้นในสวน Tree in the Garden.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org.  [22 มิ.ย. 2015].
  4. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “กอมขม”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.  [22 มิ.ย. 2015].
  5. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  “สมุนไพรที่ใช้แก้อาการแพ้และระคายเคือง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.cmu.ac.th.  [22 มิ.ย. 2015].
  6. กรีนคลินิก.  “กอมขม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.greenclinic.in.th.  [22 มิ.ย. 2015].
  7. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 4 คอลัมน์ : การรักษาพื้นบ้าน.  “ยาสมุนไพร”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [22 ส.ค. 2014].
  8. พืชสมุนไพรโตนงาช้าง.  “กอมขม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : paro6.dnp.go.th/web_km/พืชสมุนไพรโตนงาช้าง/.  [22 มิ.ย. 2015].

ภาพประกอบ : biodiversity.forest.go.th, www.nprcenter.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กอมขม
  • 2 ลักษณะของกอมขม
  • 3 สรรพคุณของกอมขม
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกอมขม
  • 5 ประโยชน์ของกอมขม
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ