ไอกรน ไอ 100 วัน (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

11 กันยายน 2016
ไอกรนไอ100วัน

ด้านการรักษา สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ควรพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะอาจเป็นอันตรายได้มากกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ และควรแยกผู้ป่วยออกจากคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

โดยทั่วไปจะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียในผู้ป่วย ส่วนคนรอบข้างอาจจะทำการฉีดวัคซีนป้องกันด้วย การรักษาที่เร็วจะทำให้มีโอกาสหายจากโรคได้เร็วไปด้วยโดยเฉพาะการรักษาก่อนมีอาการไอครั้งแรก ส่วนการรักษาหลัง 3 สัปดาห์ อาจไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากเชื้อได้กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว

ส่วนการดูแลตัวเองโดยทั่วไป ได้แก่

สำหรับการป้องกันโรคไอกรนที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีน ซึ่งแพทย์มักให้วัคซีนพร้อมกับโรคคอตีบ (Diphtheria) และโรคบาดทะยัก (Tetanus) หรือที่เรียกว่า วัคซีน DTaP (Diphtheria, tetanus and pertussis) ซึ่งประกอบด้วยการฉีด 5 ครั้ง สำหรับเด็กเล็กตามช่วงอายุดังต่อไปนี้

ทั้งนี้ วัคซีนที่ฉีดมักจะทำให้เกิดผลข้างเคียงบ้าง เช่น เป็นไข้ หงุดหงิด (Crankiness) ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือปวดบริเวณที่ฉีด

และเนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคไอกรนจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงอายุ 11 ปี แพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีน (TdaP) เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster shot)

ส่วนในผู้ใหญ่ที่มีการฉีดป้องกันโรคบาดทะยักและคอตีบทุก 10 ปี ก็มักจะรวมการฉีดไอกรน (TdaP) เข้าไปด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังลูกหลาน

สำหรับกรณีของหญิงมีครรภ์นั้น แนะนำให้ทำการฉีด TdaP ระหว่างสัปดาห์ที่ 27-36 ของการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของทารกในช่วง 1-2 เดือนแรก

แหล่งข้อมูล

1. Whooping cough. [2016, September 10].

2. Pertussis (Whooping Cough). [2016, September 10].