ไวรัสซิกา ปรปักษ์ของหญิงท้อง (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

17 กันยายน 2016
ไวรัสซิกาปรปักษ์ของหญิงท้อง

แพทย์อาจวินิจฉัยโรคด้วยการสอบถามประวัติการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในส่วนของหญิงมีครรภ์ที่ได้เดินทางไปยังสถานที่มีการแพร่กระจายของเชื้อ แม้จะไม่ปรากฏอาการก็ตาม แพทย์อาจให้ทำการเฝ้าระวังด้วยการทดสอบในระยะเวลา 2-12 สัปดาห์ หลังการเดินทางกลับมา ด้วยการตรวจ

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ การรักษาที่ทำอยู่เป็นการบรรเทาอาการด้วยการให้พักผ่อน ให้สารน้ำและยา เช่น ยา Acetaminophen และยา Ibuprofen เพื่อลดไข้และแก้ปวดข้อ

เช่นเดียวกัน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังอยู่ระหว่างการหาทางผลิตวัคซีนป้องกันโรคนี้อยู่

และเนื่องจากในปัจจุบันมีการพบว่า โรคติดเชื้อไวรัสซิกาสามารถแพร่กระจายผ่านการให้เลือด (Blood transfusion) ได้ ดังนั้น องค์การอาหารและยา (FDA) จึงแนะนำว่า ควรงดการให้เลือดเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ หากท่าน

สำหรับการป้องกันที่ทำได้ ก็คือ หญิงมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณที่มีการระบาดของโรค หรือหากมีสัมพันธ์กับเพศชายที่ต้องเดินทางไปยังบริเวณที่มีการระบาดของโรค ก็ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้ CDC ได้ประกาศให้หญิงมีครรภ์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อมากกว่า 50 ประเทศ เช่น อาร์เจนตินา โบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย คิวบา เอกวาดอร์ ฮอนดูรัส จาไมก้า เม็กซิโก เปรู สิงคโปร์ เวเนซุเอลา เป็นต้น โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 1 หรือ ไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อค่อนข้างมาก

แต่หากมีการเดินทางไปในบริเวณที่มีการแพร่ของเชื้อและมีแผนการตั้งครรภ์ CDC ได้แนะนำให้ผู้หญิงรออีกเป็นระยะเวลา 2 เดือน และควรกินอาหารเสริมกรดโฟลิค (Folic acid supplements) เป็นเวลา 28 วัน ก่อนการตั้งครรภ์ ในขณะที่ผู้ชายควรรออีกเป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจากการติดเชื้อ

และหากต้องอาศัยหรือเดินทางไปยังเขตร้อนที่มีเชื้อไวรัสซิกา อาจลดความเสี่ยงจากการโดนยุงกัดได้ดังนี้

แหล่งข้อมูล

1. Zika virus disease. [2016, September 16].

2. Zika virus. [2016, September 16].

3. Zika Virus: What You Should Know. [2016, September 16].