แคลเซียมในอาหาร (Dietary calcium)

การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์



แคลเซียมในอาหาร

บทนำ

แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุหลัก (Macro minerals) ที่ร่างกายต้องการมากกว่า 100 มิลลิกรัม (Milligram)ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ โดยแร่ธาตุหลักประกอบด้วย โซเดียม (Sodium), โพแทสเซียม (Potassium), คลอไรด์ (Chloride), แคลเซียม (Calcium), ฟอสฟอรัส ( Phosphorus), แมกนีเซียม (Magnesium), และกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงแคลเซียม

แคลเซียม (Calcium) คืออะไร?

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบมากที่สุดในร่างกาย ร้อยละ 99(99%) ของแคลเซียมในร่างกายเป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ถ้าแคลเซียมในเลือดต่ำร่างกายจะดึงแคลเซียมในกระดูกเข้ามาในกระแสเลือดเพื่อรักษาสมดุลของแคลเซียมในเลือด

แคลเซียมมีผลต่อร่างกายอย่างไร?

แคลเซียมมีผลต่อร่างกายดังนี้

ก. ประโยชน์: เช่น

1. แคลเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างความแข็งแรง กระดูกและฟัน

2. ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และหัวใจ

3. เป็นธาตุที่จำเป็นในการแข็งตัวของเลือด

4. ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด

ข. ผลจากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ:

แหล่งอาหารที่พบแคลเซียม

ลำไส้เล็กสามารถดูดซึมแคลเซียมได้เพียงครั้งละ 500 มิลลิกรัม (Milligram) ทั้งนี้ แหล่งอาหารที่พบแคลเซียมมาก ได้แก่

1. กระดูกของสิ่งมีชีวิต ดังนั้นอาหารจากสัตว์ที่ทานได้ทั้งกระดูกสัตว์ เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี เช่น ปลาเล็กปลาน้อยที่ทานได้ทั้งก้าง ปลาไส้ตัน ปลาแห้ง ปลากระป๋อง เป็นต้น

2. นม พบว่าแคลเซียมในนมดูดซึมได้ดี เพราะนมมี วิตามินดี และน้ำตาลแลคโตส (Lactose) ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม นมสด 1 แก้ว (240 มิลลิลิตร) มีแคลเซียมประมาณ 300 มิลลิกรัม วัยผู้ใหญ่ควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร 3–4 แก้วต่อวัน วัยเด็กควรดื่มไม่ต่ำกว่า 1 แก้ว ต่อวัน

3. ผักใบเขียว เช่น ใบมะกรูด เป็นแหล่งที่มีแคลเซียมมาก แต่แคลเซียมที่มีอาจดูดซึมได้น้อย เพราะแคลเซียมบางส่วนรวมกับกรดออกซาลิค(Oxalic acid)ในผัก เป็นแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) ที่ไม่ถูกดูดซึม และการใช้ในอาหารนั้น เราบริโภคผักใบเขียวกันไม่มากนัก ส่วนพวกเครื่องเทศมีแคลเซียมสูงแต่ไม่จัดเป็นแหล่งแคลเซียมเพราะในการประกอบอาหารใส่เครื่องเทศน้อยมาก นอกจากนี้การศึกษาพบว่า การทาน ใบชะพลู ใบยอ ปริมาณมากอาจเกิดนิ่วในไตหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ เนื่องจากใบชะพลู 100 กรัม (Gram) มีสารออกซาเลต (Oxalate) 1,088 มิลลิกรัม และใบยอ 100 กรัม มีสารออกซาเลต 387.6 มิลลิกรัม ซึ่งค่อนข้างสูง ออกซาเลตที่มากเกินไปจะตกผลึกเป็นนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะได้

4. อาหารหมักจากปลาหรือกุ้ง เช่น กุ้งเจ่า ปลาเจ่า กะปิ เป็นต้น แต่ไม่ควรบริโภคบ่อยเนื่องจากเป็นอาหารที่มีรสจัด มีโซเดียม (Sodium)สูง และเป็นของหมักดอง

ตารางที่ 1 ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสำหรับแต่ละช่วงอายุและเพศ

หมายเหตุ ค่าที่นำเสนอในตารางนี้สำหรับปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน (Recommended Dietary Allowance หรือ RDA) แสดงด้วยตัวเลขธรรมดาและมีเครื่องหมาย * กำกับอยู่ข้างบน ค่า RDA และ AI เป็นปริมาณที่แนะนำ สำหรับต่ละบุคคลทั้ง 2 ค่า ความแตกต่างอยู่ที่การได้ค่า RDA จะเป็นปริมาณที่ครอบคลุมความต้องการของบุคคลในกลุ่ม (ร้อยละ 97-98) สำหรับทารกซึ่งดื่มน้ำนมแม่และมีสุขภาพดีใช้ค่า AI ซึ่งหมายถึงค่าเฉลี่ยของปริมาณสารอาหารที่ได้รับจากน้ำนมแม่ สำหรับค่า AI ตามเพศและวัยอื่นๆ เชื่อว่าเป็นค่าที่เพียงพอสำหรับความต้องการของบุคคลในกลุ่มแต่ยังขาดข้อมูล หรือความไม่แน่นอนของข้อมูลที่จะนำไปกำหนดปริมาณที่บริโภคตามเปอร์เซ็นต์ความเชื่อมั่น

†แรกเกิดจนถึงก่อนอายุครบ 6 เดือน

‡อายุ 1 ปี จนถึงก่อนอายุครบ 4 ปี

ตารางที่ 2 ปริมาณแคลเซียมในอาหาร

สรุป

การได้รับแคลเซียมจากอาหารในปริมาณที่เหมาะสม มีผลทำให้ กระดูก ฟัน หลอดเลือด ระบบประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจแข็งแรงได้ แหล่งอาหารที่ให้แคลเซียมมีหลากหลายชนิด ควรเลือกทานให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และลดปัจจัยเสี่ยงที่จะได้รับสารอาหารบางอย่างมากเกินความต้องการจนอาจก่อให้เกิดโรคได้

บรรณานุกรม

  1. อาหารหลัก 5 หมู่ [2018,June30]
  2. บทที่ 6 วิตามิน แร่ธาตุและน้ำ www.facagri.cmru.ac.th/2013/wp-content/uploads/.../6วิตามิน-แร่ธาตุ-น้ำ.pdf [2018,June30]
  3. การเสริมวิตามิน – แร่ธาตุ และCRN ปิระมิด www.med.cmu.ac.th/dept/nutrition/DATA/COMMON/vitmin%20crn%20pyramid.pdf [2018,June30]
  4. แคลเซียมกับโรคกระดูกพรุน ตอนที่ 2 www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0218.pdf [2018,June30]
  5. สาระน่ารู้ เรื่องแคลเซียม www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0235.pdf [2018,June30]
  6. ปริมาณแคลเซียมในอาหารไทย nutrition.anamai.moph.go.th/images/files/CALCIUM%20ART.pdf [2018,June30]