เอาไงดี ลดกรด เพิ่มเสี่ยง (ตอนที่ 4)

5 มีนาคม 2017

ความเสี่ยงจากการใช้ยา PPI (ต่อ)

• กลุ่มอาการสตีเวนส์–จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome)
• เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากแพ้ยาที่เรียกว่า Erythema multiforme
• เพิ่มความเสี่ยงในการมีภาวะปอดอักเสบ (Pneumonia)

[กลุ่มอาการสตีเวนส์–จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome) เป็นชื่อโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง นับเป็นปฏิกิริยาแพ้ยาที่รุนแรงที่สุด เป็นโรคที่มีผลมาจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อยา การติดเชื้อ การเจ็บป่วย ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผิวหนังและเยื่อบุผิวทั่วร่างกาย เกิดการตายของเซลล์เยื่อบุผิวทำให้แยกลอกออกจากชั้นหนังแท้]

นอกจากนี้ PPI บางตัวอาจทำปฏิกริยากับยาบางตัว เช่น

• ลดการดูดซึมของยารักษาเชื้อรา (Ketoconazole)
• เพิ่มการดูดซึมของยา Digoxin ทำให้เกิดภาวะพิษจากยา Digoxin มากขึ้น
• ลดการแตกตัวในตับของยาบางชนิด ซึ่งทำให้เลือดมีความเข้มข้นของยามากขึ้น เช่น ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ (Diazepam) ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด (Warfarin) และยากันชัก (Phenytoin)

อย่างไรก็ดี ก็ยังมีข้อโต้แย้งถึงผลข้างเคียงเหล่านี้ที่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มอีก ดังนั้น ทางที่ดีก็คือ ควรระวังในการใช้ยา ด้วยการใช้ยาเท่าที่จำเป็นและในเวลาที่สั้นที่สุด

สำหรับยากลุ่มยั้บยั้งตัวรับฮิสทามีนชนิดที่ 2 (H2-receptor antagonist หรือ H2RA) นั้น มักใช้เป็นยาลดกรดที่รักษาภาวะกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) หรือ โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcers) หรือ บรรเทาภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease = GERD) ที่ไม่รุนแรงนัก ซึ่งตัวอย่างยา H2RA ได้แก่

• Nizatidine
• Famotidine
• Cimetidine
• Ranitidine

โดย National Institutes of Health แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่า ร้อยละ 70 ของ H2RA สามารถลดการหลั่งกรดได้นานกว่า 24 ชั่วโมง

มีผู้ใช้ยา H2RA เพียงร้อยละ 1.5 ที่หยุดใช้ยาอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงของการใช้ยา โดยผลข้างเคียงของ H2RA นั้น ได้แก่

• ท้องผูก
• ท้องเสีย

บรรณานุกรม

1. Proton Pump Inhibitors (PPIs). [2017, March 4].

2. Proton pump inhibitors. [2017, March 4].

3. Histamine H2 Antagonist (Oral Route, Injection Route, Intravenous Route) [2017, March 4].