on
เปลี่ยนใจ (ตอนที่ 4 และตอนจบ)
31 กรกฎาคม 2017
นอกจากนี้จะต้องทำการตรวจทดสอบเป็นประจำ เช่น
- ตรวจการทำงานของเลือด
- ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiograms)
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiograms = EKG = ECG)
- ตรวจชิ้นกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocardial Biopsy) เพื่อดูผลการปฏิเสธอวัยวะและใช้ในการปรับยา
ทั้งนี้ ภายหลังการผ่าตัดอัตราการเต้นของหัวใจจะน้อยลง เนื่องจากระหว่างผ่าตัด เส้นประสาทที่ควบคุมหัวใจบางส่วนได้ถูกตัดออกไปด้วย
หลังจากนั้น ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอีกนานหลังการผ่าตัด ซึ่งได้แก่
- การกินยากดภูมิไปตลอดชีวิต – เพื่อลดปฏิกริยาของระบบภูมิต้านทานที่มีต่อหัวใจใหม่ เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) โดยยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น
- หน้ากลม
- น้ำหนักขึ้น
- เป็นสิวหรือมีขนขึ้นที่หน้า
- มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ
.
.
นอกจากนี้ยากดภูมิยังอาจทำให้มีความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง คลอเรสเตอรอลสูง มะเร็ง กระดูกพรุน และเบาหวาน ด้วย อย่างไรก็ดี ผลข้างเคียงอาจจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
และเนื่องจากการกินยากดภูมิจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นแพทย์จึงอาจจะสั่งให้กินยาต้านแบคทีเรีย ยาต้านไวรัส และยาต้านเชื้อราด้วย
- การจัดแผนดูแลตลอดชีวิตหลังการปลูกถ่ายหัวใจ – แพทย์อาจให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ชีวิต (Lifestyle guidelines) เช่น
- การกินยาตามแพทย์สั่ง
- การใช้ยากันแดด
- การไม่สูบบุหรี่
- การออกกำลังกาย
- การกินอาหารที่มีประโยชน์
- การลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในชีวิตประจำวัน
.
.
- โปรแกรมการฟื้นฟูหัวใจ – การให้ความรู้และการออกกำลังกายดูแลสุขภาพให้แข็งแรงหลังการปลูกถ่ายหัวใจ
- การดูแลทางด้านอารมณ์ (Emotional support) เช่น ความเครียด ความรู้สึกบางอย่างมากมาย (Overwhelmed)
ทั้งนี้ The Organ Procurement and Transplantation Network and the Scientific Registry of Transplant Recipients ในสหรัฐอเมริกา ได้ระบุถึงสถิติเมื่อปี พ.ศ.2557 ว่า อัตราการรอดชีวิตของผู้ปลูกถ่ายหัวใจในสหรัฐอเมริกา 1 ปี หลังการปลูกถ่ายอยู่ที่ร้อยละ 88 และ อัตราการรอดชีวิต 5 ปี หลังการปลูกถ่ายอยู่ที่ร้อยละ 75
แหล่งข้อมูล:
- Heart transplant. [2017, July 27].
- Heart Transplant. [2017, July 27].
- Heart Disease and Heart Transplant. [2017, July 28].