อาหารเพิ่มน้ำนม ช่วยได้จริงหรือ

หลังจากคลอดบุตร สิ่งสำคัญ คือ การเลี้ยงดูให้เด็กเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ น้ำนมจากอกแม่ถือเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับสุขภาพของเด็กแรกเกิด โดยปกติแล้ว คุณแม่ควรให้นมลูกเป็นอาหารหลักตั้งแต่เด็กเกิดไปจนเด็กมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน-1 ปี หากผู้เป็นแม่ไม่สามารถผลิตน้ำนมได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการในการเจริญเติบโตของเด็ก ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กได้ ดังนั้น จึงมีแนวคิดมากมายเกี่ยวกับการกระตุ้นให้แม่ผลิตน้ำนมได้มากขึ้น และหนึ่งในนั้นคือการกินอาหารเพิ่มน้ำนม

อาหารเพิ่มน้ำนม

อาการต่อไปนี้เป็นสัญญาณว่าเด็กได้รับน้ำนมในปริมาณที่เพียงพอแล้ว

แต่หากกังวลว่าลูกน้อยอาจกำลังได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ หรือร่างกายของคุณแม่ผลิตน้ำนมได้น้อย ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และหาแนวทางในการแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป

อาหารเพิ่มน้ำนม ความเชื่อหรือความจริง ?

ลูกซัด (Fenugreek หรือ Methi)

ลูกซัด เป็นสมุนไพรคล้ายใบโคลเวอร์ (ใบไม้แห่งความโชคดี 3-4 แฉก) ลูกซัดเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ อย่างโอเมก้า-3 เบต้าแคโรทีน วิตามินบี ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ซึ่งดีต่อร่างกายของคุณแม่ในช่วงให้นมบุตรและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองของเด็กแรกเกิด จึงมีการนำลูกซัดและเมล็ดของลูกซัดมารับประทานเป็นอาหาร ดื่มในรูปแบบชา หรือสกัดทำยา โดยเชื่อว่าเมล็ดลูกซัดอาจมีสรรพคุณในการเพิ่มปริมาณน้ำนมจากอกของคุณแม่หลังคลอด

ทางด้านข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับลูกซัด มีงานวิจัยจำนวนหนึ่งทำการทดลองโดยให้คุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรดื่มชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ผลลัพธ์ที่ได้ คือ มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ในกลุ่มทดลองอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้บริโภคชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด จึงอาจกล่าวได้ว่า อาหารเพิ่มน้ำนมที่มีส่วนผสมของลูกซัดอาจช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม และมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวเด็กในระยะหลังคลอดได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ชัดเจนทางการแพทย์เกี่ยวกับลูกซัดที่สัมพันธ์กับการเพิ่มปริมาณน้ำนมในแม่ที่ให้นมบุตรยังคงมีจำกัด ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ การศึกษาหาข้อมูลให้ดี และระมัดระวังในการบริโภคลูกซัด

ตัวอย่างข้อควรระวังในการบริโภคลูกซัด ได้แก่

ผักชีล้อม (Fennel)

ผักชีล้อมเป็นพืชล้มลุก และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม มีดอกสีเหลือง ผักชีล้อมมีลักษณะและรสชาติคล้ายต้นเทียนสัตตบุษย์ เมล็ดของผักชีล้อมมักถูกนำมาใช้ปรุงอาหารหรือทำยา ผักชีล้อมเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่เชื่อว่าช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอดได้ ทั้งยังอาจช่วยป้องกันการเกิดแก๊สในกระเพาะและอาการโคลิคในเด็กได้ การรับประทานผักชีล้อมอาจช่วยบรรเทาต่าง ๆ ในระบบอาหาร รวมทั้งอาการท้องไส้ปั่นป่วน ซึ่งเชื่อว่าหากผู้เป็นแม่รับประทานผักชีล้อม ก็อาจส่งผลดีต่อเด็กได้ด้วยเช่นกัน

หนึ่งในงานวิจัยที่มีกลุ่มทดลองเป็นคุณแม่ที่บริโภคผักชีล้อม พบว่ามีสัญญาณสำคัญของการเพิ่มปริมาณน้ำนม เช่น ป้อนนมลูกบ่อยขึ้น เด็กปัสสาวะและขับถ่ายบ่อยขึ้น น้ำหนักตัวเด็กเพิ่มขึ้น และเส้นรอบวงบริเวณศีรษะของเด็กโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเด็กในกลุ่มควบคุม

แม้มีข้อบ่งชี้หรือความแตกต่างที่น่าสนใจบางประการ แต่หลาย ๆ งานวิจัยยังไม่มีผลลัพธ์ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว หรือไม่มีการวัดปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่าผักชีล้อมมีผลต่อการเพิ่มปริมาณน้ำนมจริงหรือไม่

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เกี่ยวกับพืชชนิดนี้ยังคงมีจำกัด ดังนั้น คุณแม่ที่ต้องการบริโภคผักชีล้อมเพื่อเพิ่มน้ำนม ควรศึกษาหาข้อมูลทางสุขภาพให้ถี่ถ้วนก่อน

ตัวอย่างข้อควรระวังในการบริโภคผักชีล้อม ได้แก่

หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่มีลักษณะลำต้นเหยียดตรง มีรากและลำต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนใหญ่คนนำมาประกอบอาหาร และบางที่อาจมีการสกัดเป็นยา เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งมีสารอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น เส้นใยอาหาร วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 6 กรดโฟลิค และแร่ธาตุอื่น ๆ

ด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลาย หน่อไม้ฝรั่งจึงเป็นหนึ่งในพืชผักสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ทดลองหาคุณสมบัติในการกระตุ้นให้คุณแม่หลังคลอดมีน้ำนมเลี้ยงลูกเพิ่มมากขึ้น การทดลองหนึ่งที่นำเอาสมุนไพรหลากชนิดมาใช้เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการกระตุ้นน้ำนมของแม่เด็ก อย่างลูกซัด หน่อไม้ฝรั่ง มิลค์ ทิสเซิล (Milk Thistle) มาใช้ร่วมกับยาเมโทรโคลพราไมด์ (Metoclopramide) แม้จะมีหลักฐานบางส่วนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสมุนไพรเหล่านี้รวมทั้งหน่อไม้ฝรั่งด้วยในการกระตุ้นการผลิตน้ำนม แต่งานค้นคว้าเหล่านี้ยังคงขาดการตรวจประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ และการทดลองก็ยังคงเป็นเพียงงานค้นคว้าเล็ก ๆ ที่มีข้อจำกัดมากมาย ดังนั้น จึงไม่อาจสรุปได้ว่า หน่อไม้ฝรั่งมีประสิทธิผลช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้ คุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรจึงควรพิจารณาและศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนรับประทานหน่อไม้ฝรั่ง เพราะอาหารต่าง ๆ รวมทั้งหน่อไม้ฝรั่ง อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และอาจมีผลกระทบไปยังลูกผ่านทางน้ำนมจากอกแม่ได้ด้วย

ตัวอย่างข้อควรระวังในการบริโภคหน่อไม้ฝรั่ง ได้แก่

ขิง

ขิง เป็นพืชที่มีรสเผ็ด ส่วนเหง้าจะถูกนำมาประกอบอาหารและสกัดทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากเป็นส่วนประกอบในอาหาร ยา หรืออาหารเสริม ขิงยังถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย แต่การพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของขิงในเชิงการรักษาโรคต่าง ๆ ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด

ในเอเชีย มีความเชื่อเกี่ยวกับสรรพคุณของขิงในการกระตุ้นการผลิตน้ำนมในผู้ที่ให้นมบุตร จึงมีการทดลองมากมายเกี่ยวกับประสิทธิผลของขิง การทดลองหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ใช้พืชสมุนไพรรวมกัน 13 ชนิด รวมทั้งขิงด้วย เพื่อทดสอบประสิทธิผลในการเพิ่มน้ำนมแก่คุณแม่หลังคลอด ผลคือ ปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้นในวันที่ 4, 5 และ 6 ของการทดลอง แต่การศึกษานี้ไม่สามารถยืนยันผลอย่างเป็นทางการได้ เนื่องจากไม่มีเครื่องมือวัดผลที่แน่นอน และไม่มีการเปรียบเทียบกับตัวอย่างในกลุ่มควบคุม

ส่วนในประเทศไทย มีการทดลองหนึ่งที่ใช้ขิงเพื่อทดสอบประสิทธิผลในการเพิ่มน้ำนม พบว่าในวันที่ 3 ของการทดลอง ผู้ที่ให้นมบุตรในกลุ่มทดลองที่บริโภคขิงมีปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่กลับไม่มีผลลัพธ์ความแตกต่างที่มีนัยสำคัญในวันที่ 7 ดังนั้น จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่าขิงมีประสิทธิผลช่วยกระตุ้นน้ำนมได้จริง

ด้วยผลการทดลองที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดถึงประสิทธิผลของขิงต่อผู้ที่กำลังให้นมบุตร คุณแม่ทั้งหลายจึงควรพิจารณาและศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และตัวลูกน้อยด้วย

ตัวอย่างข้อควรระวังในการบริโภคขิง ได้แก่

คุณแม่หลังคลอด สามารถรับประทานอาหารเพิ่มน้ำนมได้จริงไหม ?

ทุกวันนี้ยังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่สามารถยืนยันประสิทธิผลของอาหารชนิดใดในการกระตุ้นให้คุณแม่ผลิตน้ำนมได้มากขึ้น หากคุณแม่อยู่ในช่วงให้นมบุตรแล้วมีความวิตกกังวล หรือมีสัญญาณที่สำคัญว่าลูกอาจได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนรักษารับมือต่อไป เพราะในช่วงที่ต้องให้นมบุตร การที่คุณแม่บริโภคอาหารชนิดใดเข้าไป อาจส่งผลต่อลูกน้อยผ่านทางน้ำนมได้ด้วย คุณแม่จึงควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงทุกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ

ถ้าไม่ใช่การรับประทานอาหาร จะมีวิธีการเพิ่มน้ำนมได้อย่างไร ?

นอกเหนือจากการรักษาหรือการรับยาตามที่แพทย์สั่ง วิธีการที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายคุณแม่สามารถผลิตน้ำนมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้รับการพิสูจน์ยืนยันและเชื่อถือได้ คือ การป้อนนมเด็กตั้งแต่แรกคลอด เรียนรู้การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ การนวดบริเวณทรวงอก การประคบร้อนบริเวณทรวงอก การใช้มือบีบเต้านม การใช้เครื่องปั๊มนมช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม และการใช้ยากระตุ้นน้ำนมภายใต้การดูแลของแพทย์อย่าง ยาดอมเพอริโดน (Domperidone) และยาเมโทรโคลพราไมด์ (Metoclopramide) เป็นต้น