หลอดเลือดแดงโป่งพอง รุกฆาตโดยไม่รู้ตัว (ตอนที่ 5)

25 กันยายน 2016
หลอดเลือดแดงโป่งพอง

โดยทั่วไปการรักษาทำได้โดย

  1. การเฝ้าสังเกต (Medical monitoring) – ใช้ในกรณีที่หลอดเลือดแดงเอออร์ตาโป่งพองมีขนาดเล็กและไม่แสดงอาการ แพทย์มักนัดตรวจเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าหลอดเลือดโป่งพองมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือไม่ หรืออาจสอบถามถึงอาการต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแดงเอออร์ตาโป่งพอ
  2. การผ่าตัด – ใช้ในกรณีที่หลอดเลือดโป่งพองมีขนาดเท่ากับหรือใหญ่กว่า 1.9 - 2.2 นิ้ว (หรือประมาณ 5 - 5.5 เซนติเมตร) หรือกรณีที่หลอดเลือดโป่งพองมีการโตที่รวดเร็ว ซึ่งการผ่าตัดสามารถทำได้ 2 แบบ ขึ้นอยู่กับขนาดของหลอดเลือดที่โป่งพอง อายุและสุขภาพของผู้ป่วย รวมถึงดุลยพินิจของแพทย์ กล่าวคือ
  3. แบบเปิดหน้าท้อง (Open abdominal surgery) เพื่อซ่อมแซมหลอดเลือดแดงเอออร์ตา ซึ่งอาจเป็นการตัดหลอดเลือดส่วนที่ถูกทำลายและใส่ท่อสังเคราะห์ (Synthetic tube) แทน
  4. การรักษาผ่านทางสายสวนหลอดเลือดเพื่อวางโครงลวดถ่างขยาย (Endovascular surgery) เป็นการผ่าตัดโดยไม่ต้องเปิดช่องท้อง ทำโดยผ่าตัดผ่านทางเส้นเลือด เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะเสี่ยงอื่นร่วมด้วย

แพทย์มักแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงเอออร์ตาโป่งพองในช่องท้องดูแลตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถทำให้ความดันโลหิตสูง ซึ่งมีผลต่อการโป่งพองของหลอดเลือด เช่น

นอกจากนี้ยังแนะนำใหรักษาสุขภาพของหลอดเลือดให้แข็งแรงด้วยการ

โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Brain aneurysm) เป็นการโป่งพองของหลอดเลือดในสมองที่มีลักษณะคล้ายลูกเบอรี่แขวนอยู่บนกิ่ง โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองสามารถทำให้หลอดเลือดรั่วหรือแตกซึ่งเป็นสาเหตุให้มีเลือดออกในสมอง (Hemorrhagic stroke)

หลอดเลือดสมองโป่งพองที่แตกมักเกิดขึ้นในบริเวณระหว่างสมองและเนื้อเยื่อบางๆ ที่หุ้มสมองอยู่ โดยเรียกเลือดออกในสมองชนิดนี้ว่า เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid hemorrhage = SAH)

แหล่งข้อมูล

1. Brain aneurysm. [2016, September 24].

2. Abdominal aortic aneurysm. [2016, September 24].

3. Abdominal aortic aneurysm. [2016, September 24].