หกล้มตอนแก่ (ตอนที่ 3)

15 พฤศจิกายน 2016

การหกล้มทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถทำกิจกรรมหรือช่วยตัวเองได้ โดยการหกล้มสามารถทำให้

• กระดูกหัก เช่น กระดูกข้อมือ แขน เท้า และสะโพก
• ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งจะทวีความรุนแรงขึ้นกรณีที่ผู้สูงอายุมีการกินยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Blood thinners) ดังนั้นผู้สูงอายุที่หกล้มโดนที่ศีรษะจึงควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อให้แน่ใจว่า สมองไม่ได้รับบาดเจ็บ
• ผู้สูงอายุที่เคยหกล้มแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้เกิดความกลัวที่จะหกล้มอีก จึงเป็นสาเหตุให้ผู้สูงอายุลดกิจกรรมประจำวันลง มีการเคลื่อนไหวน้อยลง อันเป็นผลให้เกิดความอ่อนแอและเพิ่มโอกาสในการหกล้มมากขึ้น

นักวิจัยได้ระบุว่า มีหลายสาเหตุที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้มีการหกล้ม ซึ่งประกอบด้วย

• ร่างกายช่วงล่างอ่อนแอ
• ขาดวิตามินดี
• เดินและทรงตัวลำบาก
• มีการใช้ยา เช่น ยาคลายเครียด (Tranquilizers) ยานอนหลับ (Sedatives) หรือ ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressants)
• ปัญหาเรื่องสายตา เช่น พร่ามัว มองไม่ชัด
• ปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นโรคหัวใจ สมองเสื่อม ความดันโลหิตต่ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและหมดสติชั่วคราว
• ปวดขาหรือใส่รองเท้าไม่ดี
• อันตรายจากสิ่งที่อยู่ในบ้าน เช่น
  • พื้นแตกหรือพื้นเป็นขั้น
  • สะดุดพรมหรือของที่วางเกะกะ
  • ไม่มีราวจับตามบันไดหรือในห้องน้ำ
  • พื้นเปียก
  • แสงสว่างไม่เพียงพอ

การหกล้มส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ยิ่งปัจจัยเสี่ยงมากก็ยิ่งมีโอกาสหกล้มมาก ดังนั้นทางที่ดี คือพยายามลดปัจจัยเสี่ยงให้ได้ ซึ่งโดยหลัก ก็คือ การสร้างสภาพบ้านให้ปลอดภัยและการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สามารถทรงตัวได้ดี

ผู้สุงอายุบางรายอาจจะลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการป้องกันการหกล้ม เพราะคิดว่าไม่ใช่ปัญหาที่รุนแรง ตรงกันข้ามกับผู้ที่อยู่ในแวดวงสุขภาพที่เห็นว่า การหกล้มเป็นเรื่องที่รุนแรงสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ทั้งหมด เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายโดยตรงจากการรักษาตัวแล้ว ยังทำให้คุณภาพชีวิตเปลี่ยนไป การเป็นภาระของครอบครัว และการมีค่าใช้จ่ายโดยอ้อมที่เกิดจากการที่ต้องจ้างคนมาดูแลอีกด้วย

บรรณานุกรม

1. Important Facts about Falls. [2016, November 14].

2. Falls. [2016, November 14].