สํามะงา สรรพคุณและประโยชน์ของต้นสำมะงา 13 ข้อ

สำมะงา

สำมะงา ชื่อสามัญ Garden Quinine, Petit Fever Leaves, Seaside Clerodendron[3],[4]

สำมะงา ชื่อวิทยาศาสตร์ Volkameria inermis L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clerodendrum inerme (L.) Gaertn.)[1],[4] จัจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)

สมุนไพรสำมะงา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า สำมะลิงา (ชัยภมูิ), เขี้ยวงู (ประจวบคีรีขันธ์), สัมเนรา (ระนอง), สักขรีย่าน (ชุมพร), สำปันงา (สตูล), สาบแร้งสาบกา (ภูเก็ต), สำลีงา ลำมะลีงา สำมะนา (ภาคกลาง, ภาคตะวันออก), คากี (ภาคใต้), จุยหู่มั้ว โฮวหลั่งเช่า (จีน), ขู่เจี๋ยซู่ สุ่ยหูหม่าน (จีนกลาง), สามพันหว่า เป็นต้น[1],[4],[5],[7]

ลักษณะของสำมะงา

รูปสำมะงา

ต้นสำมะงา

ใบสำมะงา

ดอกสำมะงา

สํามะงา

ผลสำมะงา

เมล็ดสำมะงา

สรรพคุณของสำมะงา

  1. รากสํามะงามีรสขม ใช้เป็นยาแก้ไข้หวัด ด้วยการใช้รากแห้ง 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน โดยใช้ไฟอ่อน ๆ (ราก)[4]
  2. ใบมีรสขมเย็น แต่มีพิษ ใช้รักษาโรคมาลาเรีย (ใบ)[4] ส่วนรากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้หวัด ตัวร้อน ไข้มาลาเรีย (ราก)[5]
  3. รากมีรสขมเป็นยาเย็น มีพิษและมีกลิ่นเหม็น มีสรรพคุณเป็นยาขับลมชื้น (ราก)[5]
  4. ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะ (ราก)[5]
  5. ใบสํามะงามีสรรพคุณเป็นยาฆ่าพยาธิ (ใบ)[4]
  1. ช่วยแก้ตับอักเสบ แก้ตับและม้ามโต (ราก)[4],[5]
  2. หากแผลมีเลือดออก ให้ใช้ใบตากแห้ง นำมาบดให้เป็นผงแล้วนำไปโรยบนแผล จะช่วยห้ามเลือดและสมานแผลสดได้ (ใบ)[4],[5]
  3. ช่วยรักษาแผลเน่าเปื่อย ด้วยการใช้ใบนำมาตำพอกหรือต้มกับน้ำชะล้างก็ได้ หรืออาจตากให้แห้งแล้วบดเป็นผงทา หรือโรยบริเวณทีเป็น (ใบ)[4]
  4. ช่วยรักษาแผลฟกช้ำดำเขียวบวม อันเนื่องมาจากถูกกระทบกระแทก เอวเคล็ด เคล็ดขัดยอก ให้ใช้ใบสดตำผสมกับเหล้า ใช้ทาถูบริเวณที่ปวด (ใบ)[4],[5] ส่วนรากมีสรรพคุณแก้อาการบวมตามร่างกายบางส่วน หรือแผลบวมเจ็บที่เกิดจากการกระทบกระแทกเช่นเดียวกับใบ (ราก)[4]
  5. ทั้งต้นสดหรือต้นแห้ง มีรสเย็นเฝื่อน นำมาสับเป็นชิ้น ๆ ประมาณ 3-4 กิ่ง แล้วต้มกับน้ำอาบหรือใช้ชะล้างแผล ใช้รักษาโรคผิวหนังพุพอง และน้ำเหลืองเสีย (ทั้งต้น)[1],[2]
  6. ใบสํามะงามีรสเย็นเฝื่อน ตำรายาไทยจะใบเป็นยาทาภายนอก โดยนำมาพอก ต้มกับน้ำอาบ หรือใช้ชะล้างตามร่างกาย หรือใช้ไอน้ำอบร่างกายเป็นยารักษาโรคผิวหนังกลากเกลื้อน แก้ฝี ประดง แก้หัด อีสุกอีใส ผดผื่นคันตามตัว และผื่นคันมีน้ำเหลือง (ใบ)[1],[2],[3],[4],[5],[7]
  7. ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดประสาทที่ก้นกบ ให้ใช้รากแห้ง 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน แต่ต้องใช้ไฟอ่อน ๆ ในการต้ม (ราก)[4]
  8. ช่วยรักษาไขข้ออักเสบเนื่องจากลมชื้น ปวดเอวและขา แก้อาการปวดกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท (ราก)[5]

หมายเหตุ : การใช้ตาม [5] ในส่วนของรากให้ใช้รากครั้งละ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำแช่จาหรือใช้ทำเป็นยาประคบ ส่วนใบและก้านไม่ควรนำมาต้มเป็นยารับประทาน เนื่องจากมีพิษ ควรนำมาใช้เป็นยาภายนอกเท่านั้น โดยขนาดที่ใช้ให้กะเอาตามความเหมาะสม[5]

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรสำมะงา

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสำมะงา

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “สำมะงา (Samma Nga)”.  หน้า 302.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ).  “สํามะงา”.  หน้า 182.
  3. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “สำมะงา Garden Quinine”.  หน้า 87.
  4. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “สํามะงา”.  หน้า 782-784.
  5. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “สำมะงา”.  หน้า 556.
  6. หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 7.  “สํามะงา”.
  7. สมุนไพรไทย, มหาวิทยาลัยนเรศวร.  “สำมะงา”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/49320567/.  [12 มิ.ย. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ria Tan, Russell Cumming, Rene van Raders, 潘立傑 LiChieh Pan, naturgucker.de / enjoynature.net, Kar Wah Tam)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 สำมะงา
  • 2 ลักษณะของสำมะงา
  • 3 สรรพคุณของสำมะงา
  • 4 ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรสำมะงา
  • 5 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสำมะงา
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ