วิธีแก้ท้องอืดให้ได้ผล

ท้องอืด คืออาการที่สามารถพบได้ทั่วไปกับคนทุกเพศทุกวัย ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือแน่นอึดอัดท้อง ซึ่งเกิดจากการมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้มากกว่าปกติ บางรายอาจทำให้ท้องบวมจนเห็นได้ชัดเจน และอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น เรอบ่อย ผายลม ปวดท้อง หรือท้องร้องมากกว่าปกติ

ท้องอืด

ถึงแม้ว่าท้องอืดจะไม่ได้เป็นอาการที่ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่เป็นรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวและอาจทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมบางอย่างได้

ท้องอืดมีสาเหตุมาจากอะไร ?

สาเหตุของอาการท้องอืดที่พบบ่อยมาจากการมีแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารแล้วไม่สามารถย่อยได้อย่างเหมาะสมหรือมาจากการกลืนอากาศเข้าไปในขณะที่กำลังรับประทานอาหารหรือดื่มเครืองดื่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมต่อไปนี้ อาจเพิ่มโอกาสให้ท้องอืดได้มากขึ้น

สาเหตุทางด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้แก่

ภาวะต่อไปนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแก๊สและอาการท้องอืด

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?
โดยทั่วไป อาการท้องอืดมักไม่มีอันตรายใด ๆ และมักหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากพบว่ามีอาการท้องอืดต่อเนื่อง และมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่มีความรุนแรงได้

มีวิธีแก้ท้องอืดอย่างไรบ้าง ?

ปรับพฤติกรรมการรับประทานและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่าง ได้แก่

รักษาด้วยการนวด

การนวดบริเวณท้องอาจมีส่วนช่วยลดอาการท้องอืดได้ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่าใน 80 คน ที่มีภาวะน้ำในท้องมากหรือท้องมาน (Ascites) และได้รับการนวดบริเวณท้องวันละ 2 ครั้ง วันละ 15 นาที เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 วัน ผลปรากฏว่า การนวดมีส่วนช่วยทำให้อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ลดลง และช่วยให้อาการท้องอืดดีขึ้นได้  

การรักษาด้วยยา

ยาที่นิยมนำมาใช้บรรเทาอาการท้องอืดได้แก่ ไซเมทิโคน (Simethicone) เป็นยาขับลม ช่วยบรรเทาอาการจุกเสียด ท้องอืด และแน่นท้อง หรือยาดอมเพอริโดน (Domperidone) ซึ่งช่วยการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อาหารและแก๊สเคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาการย่อยอาหารที่ผิดปกติจากภาวะตับอ่อนบกพร่อง สามารถรับประทานเอนไซม์จากตับอ่อนเสริมพร้อมอาหารเพื่อเพิ่มเอนไซม์ที่ขาดหายไปได้

กรณีที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรับประทานอาหารหรือซื้อยาใช้เองไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะอาจมีสาเหตุมาจากโรคหรือภาวะที่ควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์ โดยการรักษาด้วยยาแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโรคและดุลยพินิจของแพทย์