วัตถุเจือปนในอาหาร (Food additive)

การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยมีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร (Food additive ) ในกระบวนการผลิต และในกระบวนการเตรียมอาหารในธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้อาหารมีคุณลักษณะที่ผู้ผลิตต้องการ หรือยืดอายุการเก็บผลิตภัณฑ์อาหาร จึงอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวได้ หากมีการใช้วัตถุนี้ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ผู้บริโภคจึงควรรู้จักวัตถุเจือปนอาหารในอาหารชนิดต่างๆไว้ เพื่อการเลือกซื้ออาหารที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

ความหมายของวัตถุเจือปนอาหาร

วัตถุเจือปนในอาหาร คือสารซึ่งปกติไม่ได้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหาร แต่ผู้ผลิตเติมลงในอาหารอย่างตั้งใจ เพื่อประโยชน์ในด้านการผลิต, การรักษาคุณภาพและคุณค่าทางโภชนา การ, การแต่งสี กลิ่น รสของอาหาร โดยอาจเติมลงไป ในระหว่างขบวนการแปรรูปอาหาร หรือในระหว่างการบรรจุ สารเหล่านี้จะต้องผ่านการทดสอบ และผ่านการประเมินทางพิษวิทยา และได้ รับอนุญาตให้ใช้ได้ตามกฎหมายในปริมาณที่กำหนด ซึ่งผ่านการศึกษาแล้วว่า จะไม่ทำให้เกิดอัน ตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค วัตถุเจือปนอาหารที่นิยมใช้ เช่น วัตถุกันเสีย, สีผสมอาหารต่างๆ, สารให้ความหวาน, วัตถุกันหืน (กลิ่นที่เหม็นเหมือนกลิ่นน้ำมันมะพร้าว เมื่อเก็บอาหารไว้นานๆ) เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของการใช้วัตถุเจือปนอาหาร

การใช้วัตถุเจือปนอาหาร มีวัตถุประสงค์การใช้หลัก คือ

 

การแบ่งกลุ่มวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้ในอาหาร

แบ่งวัตถุเจือปนอาหาร ออกเป็นหลายกลุ่มตามวัตถุประสงค์ที่ใช้แตกต่างกัน

กลุ่ม วัตถุประสงค์ ชนิดของวัตถุเจือปนอาหาร

1.เพื่อยืดอายุการเก็บอาหาร

2.เพื่อปรุงแต่งสี กลิ่น รส

3.เพื่อช่วยในกระบวนการผลิต

 

ชนิดของวัตถุเจือปนอาหาร

ชนิดของวัตถุเจือปนอาหาร ได้แก่

1. สารกันเสีย คือสารที่เติมในอาหารเพื่อป้องกันการเสีย การบูดเน่าของอาหาร สารนี้จะไปควบคุมการเจริญเติบโต หรือทำลายเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมคุณภาพของอาหาร สารกันเสียที่ใช้แพร่หลาย ได้แก่

2. สารกันหืน คือ สารที่ใช้เพื่อชะลอการเสียของอาหาร อันเนื่องมาจากมีสี กลิ่น รส ผิดไปจากเดิม ที่อาจเกิดเป็นสารประกอบใหม่ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารประเภท ไขมันและน้ำมัน นมผง เนย เป็นต้น

3. สารปรุงแต่งสี กลิ่น รส เพื่อแต่งสีให้อาหารมีลักษณะคล้ายธรรมชาติ หรือเพื่อให้มีสีสม่ำ เสมอ และเพื่อแต่งสี กลิ่นรสของอาหารให้ได้ตรงตามต้องการของผู้บริโภค เป็นกลุ่มวัตถุเจือปนที่ช่วยคงรูปผัก ผลไม้ที่ผ่านกระบวนการแปรรูปให้คงสภาพเดิมมากสุด

4. สารช่วยให้อาหารมีความคงตัว เช่น

5. สารช่วยดูดความชื้น เป็นสารป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของอาหาร ใช้เติมในอาหารผงแห้งต่างๆ เช่น เครื่องดื่มผง กาแฟผง ซุปผง มักพบปัญหาการรวมตัวเป็นก้อนแข็ง จึงต้องเติมวัตถุป้องกันการรวมตัวเป็นก้อน เพื่อทำให้อาหารคงสภาพเป็นผงแห้ง อาหารที่ใช้วัตถุเจือปนกลุ่มนี้ เช่น ครีมเทียมผง กาแฟผง เครื่องดื่มผง น้ำตาลทรายชนิดผงละเอียด เกลือ เจลาตินผง หัวหอมผง กระเทียมผง ซอสผง แป้งเค้กสำเร็จรูป ผงฟู ซุปผง เป็นต้น

พิษภัยของวัตถุเจือปนอาหาร

วัตถุเจือปนอาหารมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอาหาร ช่วยให้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารได้หลากหลายชนิดที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากใช้ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นสา เหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภคได้เช่นกัน ปัญหาพิษภัยที่เกิดจากวัตถุเจือปนอาหารอาจเกิดได้หลายรูปแบบ เช่น

1.ใช้ผิดประเภท ได้แก่ การนำวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร เช่น

อาหารที่อาจมีการใช้วัตถุเจือปนอาหารผิดประเภท เช่น ลูกชิ้น หมูยอ ทอดมัน ไส้กรอก ผักกาดดองเค็ม มะม่วงดอง แป้งกรุบทำลอดช่อง ทับทิมกรอบ เนื้อบดปรุงรสต่างๆ ไก่บด เนื้อปลาขูด

2.ใช้ปริมาณมากกว่าที่กฏหมายอนุญาต เช่น

การใช้ในปริมาณมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ โดยที่ผู้บริโภครู้ไม่เท่ากันการณ์ หรือจงใจใช้ เพื่อต้องการยืดอายุการเก็บให้นานกว่าปกติ หรือคุณภาพดีขึ้น หรืออาจใช้วัตถุเจือปนอาหารที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาใช้ เพราะมีราคาถูกกว่า

สรุป

ในการเลือกซื้ออาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารกระป๋อง หรืออาหารผ่านการแปรรูปต่างๆ ในปัจจุบันมีแนวโน้มใช้วัตถุเจือปนอาหารทั้งสิ้น ผู้บริโภคต้องศึกษาให้รู้จักเอาไว้ เพื่อเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัย และให้ประโยชน์กับสุขภาพสูงสุด

บรรณานุกรม

  1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2547.
  2. พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข 2543.
  3. ศิวพร ศิวเวช 2535 วัตถุเจือปนในผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพ.
  4. แสงโฉม ศิริพานิช. อันตรายจากการรับประทานอาหารที่สารไนเตรทและไนไตรท์. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ปีที่ 43 ฉบับที่ 23.
  5. [2014,Feb28].
  6. [2014,Feb28].
  7. [2014,Feb28].