ลักปิดลักเปิด (Scurvy) อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคลักปิดลักเปิด

โรคลักปิดลักเปิด

ลักปิดลักเปิด หรือ โรคขาดวิตามินซี (Scurvy หรือ Vitamin C deficiency) เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายขาดวิตามินซี (Vitamin C) โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสดงสำคัญของโรค คือ เหงือกบวมและเลือดออกได้ง่าย ซึ่งผู้ป่วยมักมาพบทันตแพทย์จากการแปรงฟันแล้วมีเลือดออกจากเหงือกเสมอ

โรคลักปิดลักเปิดเป็นโรคที่พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน (ในสหรัฐฯ พบโรคนี้ในผู้ชายประมาณ 8% และในผู้หญิงประมาณ 6% ในอิตาลีพบโรคนี้ในผู้ชายประมาณ 3-6% และในผู้หญิงประมาณ 2-4% ในประเทศฝรั่งเศสพบโรคนี้ในผู้ชายประมาณ 12% และในผู้หญิงประมาณ 5% เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยจะพบโรคนี้ได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5-2.5 เท่า)

โรคลักปิดลักเปิดสามารถพบเกิดได้ในทุกช่วงอายุ (ในเด็กทารกอายุ 6 เดือนแรกจะพบได้น้อยมาก เพราะทารกที่คลอดจากมารดาที่ได้รับวิตามินซีเพียงพอ จะมีระดับวิตามินซีในเลือดจากสายสะดือสูงกว่าในเลือดของมารดา 2-3 เท่า) แต่จะพบได้บ่อยในเด็กเล็กที่ขาดอาหารเสริมที่เหมาะสมตามอายุและในผู้สูงอายุที่ขาดคนดูแล (ในเด็กโตและผู้ใหญ่จะพบเป็นโรคนี้ได้น้อย) โดยในเด็กเล็กมักพบในช่วงอายุระหว่าง 6-18 เดือน ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีประวัติการรับประทานนมข้นหวานหรือน้ำข้าวใส่น้ำตาล และไม่ได้รับอาหารเสริมที่มีวิตามินซี (เช่น น้ำส้มคั้น) และเด็กมักจะมีอาการขาดสารอาหารอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี 2 เป็นต้น ซึ่งอาการมักเกิดขึ้นหลังเป็นโรคติดเชื้อหรือท้องเดิน ซึ่งทำให้มีการสูญเสียวิตามินซี

สาเหตุของโรคลักปิดลักเปิด

โรคนี้เกิดจากร่างกายขาดวิตามินซี (Vitamin C) เนื่องจากบริโภคอาหารที่ขาดวิตามินซี แต่ในผู้ป่วยบางราย สาเหตุการขาดวิตามินซีอาจเกิดจากการมีโรคของลำไส้ที่ทำให้ลำไส้ดูดซึมวิตามินซีได้น้อยกว่าปกติก็ได้ เช่น โรคท้องเสียเรื้อรัง โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น

วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นในการช่วยการทำงานของโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหายหรือบาดเจ็บ โดยเฉพาะผิวหนัง ผนังหลอดเลือด กระดูกอ่อน น้ำไขข้อ เหงือก ฟัน และสารคอลลาเจนที่ร่างกายใช้ในการหล่อลื่นและประสานการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กของลำไส้ ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดวิตามินซี เนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงเกิดการอักเสบได้ง่าย (บวม) หลอดเลือดขนาดเล็กแตกง่าย (เลือดออก) เกิดภาวะซีด (จากการขาดธาตุเหล็กและจากการมีเลือดออกง่าย) ฟันเจริญผิดที่ (โดยเฉพาะในเด็ก) กระดูกอ่อนเจริญผิดปกติ (โดยเฉพาะในเด็ก) เหงือกบวม เลือดออกง่ายเมื่อแปรงฟันหรือกินของแข็ง ๆ มีจุดแดงพรายย้ำขึ้นตามตัว (เป็นจุดแดง ๆ คล้ายในโรคไข้เลือดออก) หรือเป็นจ้ำห้อเลือดได้ง่าย

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลักปิดลักเปิด

อาการของโรคลักปิดลักเปิด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคลักปิดลักเปิด

โดยปกติแล้วโรคลักปิดลักเปิดเป็นโรคไม่รุนแรงและสามารถรักษาได้เสมอ ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีการเจริญเติบโตผิดรูปของฟันที่จะเกิดขึ้นอย่างถาวร สำหรับภาวะแทรกซ้อนจากโรคนี้มักเป็นภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก หรือจากการมีเลือดออกเรื้อรังเมื่อมีการขาดวิตามินซีอย่างต่อเนื่อง เพราะวิตามินซีเป็นตัวช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก

การวินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิด

การวินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิดสามารถทำได้โดยการอาศัยประวัติการรับประทานอาหาร (เช่น การได้รับอาหารที่มีวิตามินซีไม่เพียงพอ การเจ็บป่วยเรื้อรังทำให้ขาดอาหาร เป็นต้น) ลักษณะอาการทางคลินิก (ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจเหงือกและฟัน) ลักษณะภาพเอกซเรย์กระดูก (เพื่อดูการเจริญเติบโตของกระดูกในเด็ก โดยเฉพาะบริเวณเข่า) การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวัดระดับวิตามินซีในพลาสมาและเลือด (ถ้ามีค่ามากกว่า 0.6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะช่วยแยกโรคนี้ได้ แต่ถ้ามีระดับต่ำกว่านี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคนี้เสมอไป และถ้าระดับวิตามินซีในพลาสมาน้อยกว่า 0.1-0.2 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มักจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้) ร่วมไปกับการตรวจแยกจากโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น โรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune disease) เป็นต้น และร่วมกับการให้วิตามินซีเสริมอาหาร ซึ่งถ้าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นก็จะเป็นการช่วยยืนยันว่าเป็นโรคลักปิดลักเปิดจริง

ในผู้ป่วยที่เป็นโรคลักปิดลักเปิดนั้น แพทย์อาจตรวจพบอาการเหงือกบวม เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล จุดเลือดออกที่ใต้เล็บ จุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง อาการซีดเนื่องจากการขาดธาตุเหล็ก และตรงรอยต่อระหว่างกระดูกอ่อนและซี่โครง (Costochondral junction) อาจมีลักษณะเป็นปุ่ม ๆ คล้ายลูกประคำ

วิธีรักษาโรคลักปิดลักเปิด

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคลักปิดลักเปิด

เมื่อมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลักปิดลักเปิด ผู้ป่วยควรดูแลตนเองโดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

วิธีป้องกันโรคลักปิดลักเปิด

หมายเหตุ : ในผู้ใหญ่การรับประทานวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 2,000 มิลลิกรัม ส่วนใหญ่มักไม่มีผลข้างเคียง (ส่วนปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับที่ทนได้ในเด็กอายุต่าง ๆ คือ 400 มิลลิกรัม ในเด็กอายุ 1-3 ปี, 650 มิลลิกรัม ในเด็กอายุ 4-8 ปี, 1,200 มิลลิกรัม ในเด็กอายุ 9-13 ปี และ 1,800 มิลลิกรัม ในเด็กอายุ 14-18 ปี) อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงตั้งแต่วันละ 1,000 มิลลิกรัมขึ้นไป ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นนิ่วในไต และร่างกายอาจมีธาตุเหล็กมากเกินไปจนเกิดการสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะตับ แล้วส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นเกิดการอักเสบ หรือถ้าให้วิตามินซีทางหลอดเลือดดำก็อาจทำให้เกิดไตวายและเกิดโรคหัวใจได้

ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในแต่ละวัน

วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้และจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น (วิตามินชนิดนี้จะถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก) ซึ่งความต้องการวิตามินซีของร่างกายจะขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และบางภาวะที่มีผลลดการดูดซึมของวิตามินซี เช่น การเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ ของลำไส้ การสูบบุหรี่ เป็นต้น โดยปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในแต่ละวันตามคำแนะนำของสถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine – IOM) คือ

หมายเหตุ : ความต้องการวิตามินซีจะเพิ่มมากขึ้นในภาวะต่าง ๆ ได้แก่ ภาวะไข้ (โดยเฉพาะการเป็นโรคติดเชื้อและโรคอุจจาระร่วง) การได้รับภยันตรายรุนแรง (เช่น แผลไฟไหม้รุนแรง) เด็กที่เป็นโรคสมองพิการหรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ ผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก ผู้ที่ขาดโปรตีน ผู้ที่สูบบุหรี่และผู้ที่ได้รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ (ผู้สูบบุหรี่ควรได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นจากปริมาณที่แนะนำดังกล่าวอีกวันละ 35 มิลลิกรัม) รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ที่อยู่ตามลำพังหรือไร้ที่อยู่ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยเสริมทำให้เกิดอาการขาดวิตามินซีได้ ดังนั้นเมื่อมีความต้องการวิตามินซีเพิ่มขึ้นควรบริโภคให้เพียงพอ (ควรเน้นอาหารที่มีวิตามินซีสูงและคำนึงถึงผลของการปรุงอาหารที่อาจทำลายวิตามินซีด้วย)

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ลักปิดลักเปิด (Scurvy)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 841.
  2. หาหมอดอทคอม.  “โรคลักปิดลักเปิด โรคขาดวิตามินซี (Scurvy)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [21 พ.ย. 2016].
  3. กลุ่มงานโรคระบบทางเดินอาหารและโภชนคลินิก, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี.  “โรคลักปิดลักเปิด (SCURVY)”.  (พญ.สุนทรี รัตนชูเอก).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : dlibrary.childrenhospital.go.th.  [21 พ.ย. 2016].
  4. งานการพยาบาลผู้ป่วยกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  “Vitamin C deficiency”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.med.cmu.ac.th/hospital/nped/2011/.  [30 ก.ค. 2016].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 โรคลักปิดลักเปิด
  • 2 สาเหตุของโรคลักปิดลักเปิด
  • 3 ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลักปิดลักเปิด
  • 4 อาการของโรคลักปิดลักเปิด
  • 5 ภาวะแทรกซ้อนของโรคลักปิดลักเปิด
  • 6 การวินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิด
  • 7 วิธีรักษาโรคลักปิดลักเปิด
  • 8 การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคลักปิดลักเปิด
  • 9 วิธีป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
  • 10 ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในแต่ละวัน
  • 11 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ