รวมรุ่นไวรัสตับอักเสบ (ตอนที่ 7)

11 กันยายน 2017

สำหรับการป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ทำได้ด้วยการไม่ใช่เข็มร่วมกับผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือดของผู้อื่น และหากได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HCV ก็ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี ทั้งยังต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตเพื่อรักษาสุขภาพของตับด้วย เช่น

• การไม่สูบบุหรี่
• การเลิกดื่มแอลกอฮอล์
• การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
• การรักษาปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่มี
• ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา Ibuprofen ซึ่งเป็นยาในกลุ่มต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และควรใช้ยา Acetaminophen หรือ ยา Paracetamol ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

ส่วนการรักษาไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรังเป็นการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน โดยชนิดและระยะเวลาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรม (Genotype) ของเชื้อไวรัสนั้นๆ เช่น

• Sofosbuvir
• Paritaprevir
• Ritonavir
• Ombitasvir
• Ribavirin
• Simeprevir
• Dasabuvir

โดยปัจจุบันมีการใช้ยา Direct-acting antivirals (DAAs) ที่พุ่งเป้าไปยังวงจรชีวิตของเชื้อ HCV เพื่อหยุดการแบ่งตัว (Replicating) ของเชื้อ ซึ่งมีระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-12 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี การรักษานี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและมีผลข้างเคียงคือ ปวดศีรษะและอ่อนเพลีย

ไวรัสตับอักเสบดี (Hepatitis D Virus = HDV หรือ Delta virus) เป็นไวรัสที่ไม่สามารถติดเชื้อได้เอง แต่จะเกิดกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่แล้วจึงมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบดีได้ โดยการติดเชื้อ HDV สามารถเป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันหรือแบบเรื้อรัง และเชื้อไวรัสอาจอยู่ในร่างกายนานหลายเดือนก่อนที่จะปรากฏอาการ

มีการประมาณว่าทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบดีประมาณ 15 ล้านคน การติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะมีอาการรุนแรง และหากอยู่นาน 6 เดือนขึ้นไปจะกลายเป็นแบบเรื้อรัง ซึ่งโอกาสของอาการแทรกซ้อนจะมีสูงขึ้น ทั้งการเป็นโรคตับแข็ง หรือเป็นโรคตับที่รุนแรง

แหล่งข้อมูล:

1. Hepatitis C: Causes, Symptoms and Treatments. [2017, September 9].
2. Hepatitis D. [2017, September 9].
3. Hepatitis D (Delta agent). [2017, September 9].