รวมมิตรวิตามิน (ตอนที่ 4)

19 กุมภาพันธ์ 2016

วิตามินดี

วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยในการรักษาเกลือแร่ในร่างกายให้สมดุล วิตามินดีที่เกิดจากการสังเคราะห์ในคน เรียกว่า Cholecalciferol (Vitamin D3) โดยอาศัยแสงอัลตราไวโอเล็ด (UVB) ในการสังเคราะห์ที่ผิวหนัง

แสงแดดเป็นแหล่งของวิตามินดีที่สำคัญ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี ก็คือ หญิงให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และคนอ้วน วิตามินดี (Calciferol) มีความจำเป็นต่อร่างกาย ดังนี้

• ช่วยรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้ปกติ
• เสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูก
• ควบคุมการแบ่งเซลล์
• ปรับระดับภูมิต้านทาน

The European Food Safety Authority ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามินดี ไว้ว่า

• ช่วยพัฒนากระดูกและฟันในทารกและเด็กเล็ก
• รักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง
• ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานปกติ
• ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานปกติ
• ลดโอกาสของการหกล้ม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
• ช่วยให้การดูดซึมและการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดเป็นไปอย่างปกติ
• ช่วยในการแบ่งตัวของเซลล์

นอกจากนี้ผลการวิจัยบางฉบับระบุว่า วิตามินดี ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในอาการดังต่อไปนี้

• ช่วยลดความเสี่ยงของกระดูกหัก เพราะวิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายใช้ในการใช้ดูดซึมแคลเซียม การขาดวิตามินดีและการไม่ถูกแสงแดง (น้อยกว่า 20 นาทีต่อวัน) มีผลให้เป็นโรคกระดูกพรุนได้ นอกจากนี้ยังทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการหกล้ม เป็นโรคกระดูกอ่อน (Rickets) และโรคกระดูกน่วม (Osteomalacia)
• งานวิจัยบางฉบับระบุว่า วิตามินดีช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ (Colorectal cancer)
• ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis = MS) เพราะภูมิคุ้มกันทำลายสมองและไขสันหลัง ป้องกันโรคเกี่ยวกับไขข้อ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) และโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
• ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder = SAD) วัณโรค (Tuberculosis)

แหล่งข้อมูล

1. Vitamin C. [2016, February 17].