มะเร็งปากมดลูก อาการ สาเหตุ การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก 8 วิธี

โรคมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) เป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดของมะเร็งในผู้หญิงไทย มักพบในช่วงอายุ 30-70 ปี (พบได้สูงในช่วงอายุ 45-55 ปี) แต่ก็อาจพบได้ในคนที่มีอายุน้อย ๆ เช่น 20 ปี และในผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไปก็ได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย (น้อยกว่า 17 ปี) มีคู่นอนหรือมีสามีหลายคน หรือมีสามีที่มีความสำส่อนทางเพศ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (หรือประมาณ 70% ของผู้ป่วยโรคนี้) มีสาเหตุมาจากการอักเสบเรื้อรังของปากมดลูกจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus – HPV) ชนิด 16 และ 18 ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับชนิดที่ทำให้เกิดหูดและหงอนไก่ ที่ส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิด 6 และ 11 โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิวหรือเยื่อบุในอวัยวะสืบพันธุ์ จึงทำให้เชื้อไวรัสสามารถเข้าไปอยู่ที่ปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ของปากมดลูก จนกลายเป็นเซลล์หรือเนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง (ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก) และเป็นมะเร็งในที่สุด (เชื้อชนิดนี้ยังเป็นปัจจัยของการเกิดมะเร็งช่องปากและองคชาตได้ด้วย) โดยระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งนั้นจะใช้เวลาประมาณ 10-15 ปี (อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้)

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยเสริมทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย โดยแบ่งเป็น

มะเร็งปากมดลูกมีกี่ระยะ

โรคมะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้

อาการมะเร็งปากมดลูก

อาการของมะเร็งปากมดลูก

สาเหตุมะเร็งปากมดลูก

การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

การรักษามะเร็งปากมดลูก

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการขูดเซลล์เยื่อบุปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือที่เรียกว่า “แปปสเมียร์” (Pap smear) ทำการใช้กล้องส่องตรวจปากมดลูก (Colposcopy) แล้วตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์ ถ้าผลออกมาพบว่าเป็นมะเร็ง แพทย์ก็จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด อาจให้รังสีบำบัด (ฉายรังสี ใส่แร่เรเดียม) และ/หรือทำเคมีบำบัดร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นอยู่, สภาพร่างกายทั่วไปของผู้ป่วย, โรคอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ (เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน), ความต้องการมีลูกของผู้ป่วย (ในกรณีที่ผู้ป่วยอายุยังน้อย) และดุลยพินิจของแพทย์

ระยะที่ 0 (ระยะเริ่มแรกก่อนเป็นมะเร็ง) ในระยะนี้หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะได้ผลดีเกือบ 100% ดังนั้นการตรวจคัดกรองเพื่อหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกจึงมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

ระยะที่ 1 ในระยะนี้หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี สูงถึง 80-90% ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

ระยะที่ 2 ในระยะนี้หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณ 60-70% ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเช่นกัน ดังนี้

ระยะที่ 3 ในระยะนี้หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณ 40-50% โดยจะเป็นการรักษาด้วยการให้รังสีรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถให้เคมีบำบัดได้ แพทย์อาจให้การรักษาด้วยรังสีรักษาเพียงอย่างเดียว ซึ่งการให้รังสีรักษานี้จะต้องให้ทั้งฉายรังสี ร่วมกับการใส่แร่

ระยะที่ 4 ในระยะนี้หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณ 0-20% ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

หมายเหตุ : สำหรับการดูแลตนเองของผู้ป่วยมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกชนิดนั้น โปรดติดตามได้ในบทความต่อไปครับ ว่าจะมีข้อควรปฏิบัติตัวหรือมีข้อห้ามคำแนะนำอะไรบ้าง 🙂

ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปากมดลูก

ผลข้างเคียงจากการรักษาจะแตกต่างกันออกไปตามแต่วิธีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษา และผลข้างเคียงอาจพบได้มากขึ้นหากผู้ป่วยได้รับการรักษาร่วมกันหลาย ๆ วิธี

วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก

  1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
  2. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบเสรีหรือไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะจากการติดเชื้อเอชพีวีและเอชไอวี
  3. ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดอยู่เสมอ
  4. ฝ่ายชายควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ทางเพศสัมพันธ์ (การใส่ถุงยางอนามัยอาจป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ ถ้ามีรอยของโรคอยู่นอกบริเวณที่ถุงยางครอบคลุมไปไม่ถึง)
  5. การคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย
  6. รับประทานผักและผลไม้ให้มาก ๆ เป็นประจำ
  7. ไม่สูบบุหรี่
  8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส
  9. พยายามรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  10. ในปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV vaccine หรือที่ทั่วไปเรียกว่า “วัคซีนมะเร็งปากมดลูก“) ออกมาให้บริการแล้ว ซึ่งจะเริ่มฉีดให้เด็กหญิงตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป โดยฉีดจำนวน 3 เข็ม (เข็มที่ 2 จะฉีดห่างจากเข็มแรก 2 เดือน ส่วนเข็มที่ 3 จะฉีดห่างจากเข็มที่สอง 6 เดือน) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกเฉพาะที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชพีวี (พบได้ประมาณ 70% ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก) แต่มีข้อเสียคือ วัคซีนยังมีราคาแพง (เข็มละประมาณ 2,000-3,000 บาท) ยังไม่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 100% (สามารถป้องกันโรคได้ประมาณ 70%) และต้องมีข้อปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนให้ได้ผลอีกด้วย
  11. ที่สำคัญที่สุดก็คือหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี เพื่อหามะเร็งปากมดลูกในระยะแรกที่ยังไม่แสดงอาการ (แปปสเมียร์) หากพบว่าเซลล์ปากมดลูกเริ่มมีความผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็ง (Precancerous) จะได้ให้การรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งได้ทัน แต่หากพบว่าเริ่มเป็นมะเร็งในระยะแรก (ก่อนแสดงอาการ) ก็จะได้ให้การรักษาให้หายขาดได้

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ผู้หญิงทุกคนควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหามะเร็งระยะแรกด้วยวิธีแปปสเมียร์ ดังนี้

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 1159-1160.
  2. หาหมอดอทคอม.  “มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)”.  (พญ.ชลศณีย์ คล้ายทอง).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [08 มี.ค. 2016].
  3. ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย.  “ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก”.  (รศ.นพ.จตุพล ศรีสมบูรณ์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rtcog.or.th.  [08 มี.ค. 2016].

ภาพประกอบ : www.mdguidelines.com, www.womeningovernment.org, www.soc.ucsb.edu, www.cecpng.org, columbiaasia.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 โรคมะเร็งปากมดลูก
  • 2 สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
  • 3 มะเร็งปากมดลูกมีกี่ระยะ
  • 4 อาการของมะเร็งปากมดลูก
  • 5 การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก
  • 6 การรักษามะเร็งปากมดลูก
  • 7 ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปากมดลูก
  • 8 วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
  • 9 การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ