ปัสสาวะขุ่น (Urine Turbidity) อาการ สาเหตุ การรักษา ฯลฯ

ปัสสาวะขุ่น

ปัสสาวะขุ่น (ภาษาอังกฤษ : Urine Turbidity) คือ อาการที่สีของปัสสาวะมีลักษณะขุ่นเป็นตะกอน ไม่เป็นสีใสหรือสีเหลืองอ่อนตามปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การใช้ยา การกินอาหารบางชนิด หรือเกิดจากสาเหตุอื่นที่ทำให้ปัสสาวะมีลักษณะดังกล่าวอย่างโปรตีนหรือผลึกสารเจือปนในปัสสาวะ ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อภายในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

สาเหตุของปัสสาวะขุ่น

ปัสสาวะที่ขุ่นเมื่อถ่ายเสร็จใหม่ ๆ คือ ปัสสาวะที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

ลักษณะปัสสาวะขุ่น
IMAGE SOURCE : Richard Megna (Fundamental Photographs)

นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อระดับสารเคมีต่าง ๆ หรือระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายและนำไปสู่อาการปัสสาวะขุ่นหรือมีสีผิดปกติได้ เช่น

ความขุ่นใสของปัสสาวะ
IMAGE SOURCE : slideplayer.com (by Henry Mitchell) / ระดับความขุ่นใสของปัสสาวะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1.ใส (Clear), 2.ขุ่นเล็กน้อย (Slightly cloudy), 3.ขุ่น (Cloudy) และ 4.ขุ่นมาก (Turbid)

การวินิจฉัยปัสสาวะขุ่น

ในเบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติการเจ็บป่วยประวัติการใช้ยาของผู้ป่วย รวมไปถึงการสอบถามถึงอาการที่เป็นอยู่ เช่น ปัสสาวะมีลักษณะขุ่น มีสี มีกลิ่น หรือมีลักษณะอย่างไร มีหยดเลือดหรือลิ่มเลือดปะปนอยู่ด้วยหรือไม่ มีอาการเจ็บปวดในขณะที่ปัสสาวะหรือไม่ ผู้ป่วยดื่มน้ำหรือถ่ายปัสสาวะบ่อยเพียงใด มีการเปลี่ยนการรับประทานอาหารหรือไม่ ความผิดปกติที่เป็นอยู่เป็นมานานแล้วยัง เคยมีอาการดังกล่าวมาก่อนหน้านี้หรือไม่ มีโรคประจำตัวหรือมีอาการเจ็บป่วยอื่นใดอีกหรือไม่ และกำลังใช้ยาตัวใดรักษาอยู่

จากนั้นแพทย์อาจทำการตรวจร่างกายตามบริเวณที่สงสัยว่าอาจมีการเจ็บป่วย ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะขุ่นหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรืออาจส่งตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แน่ชัด เช่น

การรักษาปัสสาวะขุ่น

ในเบื้องต้นนอกจากอาการปัสสาวะขุ่นแล้ว ยังควรสังเกตอาการหรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการปัสสาวะบ่อยแต่ได้ทีละน้อย ปัสสาวะแสบขัด หรือปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหัน, อาการปัสสาวะที่มีเลือดปน (ถ้ามีอาการเจ็บปวดในขณะปัสสาวะร่วมด้วย อาจเกิดโรคนิ่วในไตหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แต่ถ้าไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยอาจเกิดจากโรคมะเร็ง), ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีส้ม ร่วมกับมีอาการตัวเหลืองตเหลือง อุจจาระมีสีซีด (ตับอาจมีปัญหาหรือกำลังทำงานผิดปกติ), ปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปนแล้วมีกลิ่นเหม็นร่วมกับมีอาการไข้ หนาวสั่น หรือปวดเอว (ระบบทางเดินปัสสาวะอาจเกิดการติดเชื้อ) หากพบอาการเหล่านี้เกิดขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการตรวจรักษาต่อไป

ส่วนปัสสาวะที่ขุ่นหรือมีสีที่ต่างไปจากปกติแต่ไม่เป็นอันตราย เช่น จากการกินอาหารบางชนิด หรือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา ก็ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา แต่หากปัสสาวะที่ขุ่นนั้นเกิดจากการมีโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ แพทย์จะให้การรักษาไปตามสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น

การป้องกันปัสสาวะขุ่น

โดยทั่วไปการป้องกันการเกิดปัสสาวะที่มีลักษณะขุ่นและอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะมีดังนี้

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 ปัสสาวะขุ่น
  • 2 สาเหตุของปัสสาวะขุ่น
  • 3 การวินิจฉัยปัสสาวะขุ่น
  • 4 การรักษาปัสสาวะขุ่น
  • 5 การป้องกันปัสสาวะขุ่น
เรื่องที่น่าสนใจ