ปรอทปลอดไม่จริง (ตอนที่ 1)

8 มีนาคม 2015

ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึง อันตรายจากสารปรอทว่า อาจก่อให้เกิดโรคภูมิต้านตนเองได้

โดยจากการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า การที่ร่างกายได้รับสารปรอทหรือสัมผัสกับสารปรอท จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิต้านตนเองหรือ Autoimmune diseases เช่น โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis) โรคลูปัส โรคเอสแอลอี โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ตาม

ดร.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า แหล่งที่มาของสารปรอทที่ผู้หญิงมักได้รับจาก

• เนื้อปลา เพราะผู้หญิงมักนิยมรับประทานปลามากกว่าผู้ชาย เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนที่มีไขมันต่ำ แต่มักจะมีการปนเปื้อนของปรอท ดังนั้น หากจะรับประทานเนื้อปลาควรเลือกให้หลากหลาย และมาจากหลายแหล่ง ไม่ควรรับประทานอาหารประเภทปลาชนิดใดชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นเวลานาน และซื้อมาจากแหล่งเดียวกัน
• อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู สัตว์ที่มีกระดอง มักมีการปนเปื้อนของสารปรอทที่มีอยู่ในท้องทะเล
• เครื่องสำอางบางประเภท โดยเฉพาะประเภทที่ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส อาจมีการปนเปื้อนของสารปรอทได้ เนื่องจากสารปรอทในเครื่องสำอางจะไปทำการรบกวนการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดสีผิดปกติ ผิวจึงมีสีขาวใสขึ้น ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบโดยชุดตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์
• ยาทาเล็บ อาจมีการปนเปื้อนของสารปรอทเพื่อให้ยาทาเล็บทาแล้วดูเรียบเนียนขึ้น และทำให้เล็บแข็งแรงไม่เปราะหักง่าย รวมถึงยังช่วยให้ยาทาเล็บเกาะติดบนเล็บได้ทนนานมากขึ้น ผู้หญิงมักเสี่ยงการได้รับสารปรอทจากยาทาเล็บได้รับเข้าสู่ร่างกายจากทางระบบทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง และทางระบบทางเดินอาหาร เพราะทาเล็บแล้วหยิบอาหารเข้าปาก หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรยิ่งควรต้องระวังเป็นอย่างมากเพราะสารปรอทและสารเคมีอื่นๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในยาทาเล็บจะส่งผลต่อความผิดปกติของทารกได้
• ยาย้อมผม ผู้หญิงในสมัยนี้นิยมการย้อมสีผมเพื่อความสวยงาม ยาย้อมผมบางประเภทได้มีการเติมสารปรอทเพื่อให้ผมเงางามขึ้นและสีติดทนทาน ดร.ฉัตรภา ยังกล่าวอีกว่า หากได้รับสารปรอทเป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้เกิดการสะสมพิษในไต ทำให้ไตอักเสบและวายได้ รวมถึงทำให้สมองเสื่อมแบบถาวร

แหล่งข้อมูล

1. ระวังอันตรายจากสารปรอทอาจก่อให้เกิดโรคภูมิต้านตนเอง/ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล [2015, March 7].