นิ่วกระเพาะปัสสาวะ อาการ สาเหตุ การรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ 7 วิธี

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือ นิ่วกระเพาะปัสสาวะ (Bladder stone, Urinary bladder stone, Vesical calculi, Vesical calculus) เป็นนิ่วที่พบได้ประมาณ 5% ของนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะทั้งหมด (ไต หลอดไต และกระเพาะปัสสาวะ) เป็นโรคที่พบได้บ้างประปรายในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่พบได้บ่อยในบ้านเรา โดยเฉพาะคนทางภาคอีสานและภาคเหนือ

โรคนี้สามารถพบเกิดได้ในคนทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ พบในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในเด็กผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี และในหมู่ชาวชนบทที่มีฐานะยากจน ทั้งนี้สาเหตุการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะนี้มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประชาชนในท้องถิ่นเหล่านี้ เช่น การป้อนข้าวเหนียวหรือข้าวย้ำแก่ทารกเล็ก ๆ โดยได้รับอาหารที่มีโปรตีนเพียงเล็กน้อย

สาเหตุของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

จากการศึกษาของศูนย์วิจัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่พบในภาคอีสานและภาคเหนือ มีสาเหตุมาจากการขาดสารฟอสเฟต ซึ่งมีมากในอาหารประเภทโปรตีน ร่วมกับการรับประทานผักที่มีสารออกซาเลต (Oxalate) สูง และดื่มน้ำน้อย จึงทำให้มีการสะสมผลึกของสารแคลเซียมออกซาเลตในกระเพาะปัสสาวะ จนกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด

นอกจากสาเหตุดังที่กล่าวมาแล้ว ในคนทั่วไปยังอาจพบนิ่วในกระเพาะปัสสาวะร่วมกับภาวะอุดกั้นของท่อปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะหย่อน (Cystocele) กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานเนื่องจากเป็นอัมพาต (Neurogenic bladder) เป็นต้น

ก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอาจมีขนาดแตกต่างกันไปตั้งแต่มีขนาดเท่าเม็ดทรายไปจนขนาดใหญ่มากกว่า 5 เซนติเมตร อาจมีเพียงก้อนเดียวหรือมีหลายก้อน และก้อนนิ่วอาจมีลักษณะค่อนข้างนุ่ม แข็งพอประมาณ ไปจนถึงแข็งมากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดหรือสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว ซึ่งนิ่วแต่ละก้อนอาจประกอบด้วยสารชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียวหรือสารหลาย ๆ ชนิดผสมปนกันก็ได้ ได้แก่

อาการนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับกลไกการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะนั้นมาจากมีการตกตะกอนของสารที่ประกอบขึ้นเป็นนิ่วดังกล่าวในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเกิดเรื้อรัง สารเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นก้อน (เรียกว่า “ก้อนนิ่ว“) โดยสาเหตุที่ทำให้สารเหล่านี้ตกตะกอนได้ง่ายมักเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน (แต่อาจเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียวก็ได้) ได้แก่

อาการของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

ผู้ป่วยมักไม่ค่อยมีอาการแสดง แพทย์มักตรวจพบได้โดยบังเอิญจากการเอกซเรย์ช่องท้องจากโรคอื่น ๆ เช่น ปวดท้องหรือปวดหลัง ส่วนในรายที่แสดงอาการ จะมีอาการที่พบได้บ่อยคือ

ภาวะแทรกซ้อนของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

โดยทั่วไปนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และสามารถรักษาให้หายได้เสมอ แต่โรคจะรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีนิ่วในไตร่วมด้วย หรือมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวเกิดขึ้น

การวินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้จากประวัติอาการของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ การตรวจเอกซเรย์ช่องท้อง ตรวจอัลตราซาวนด์ และถ้าจำเป็นอาจต้องมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) เป็นต้น

การรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

อาการขัดเบาหรือถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด นอกจากนิ่วแล้วยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เนื้องอก ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

วิธีรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

แนวทางการรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ขนาดของก้อนนิ่ว และสาเหตุของการเกิดนิ่ว ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อรักษาหายแล้ว มักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก โดยมีแนวทางในการรักษาดังนี้

วิธีป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

คำถามที่พบบ่อย

1.) อาหารที่รับประทานจะเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วมากน้อยเพียงใด ?
ตอบ การรับประทานอาหารจำพวกเครื่องในสัตว์หรือประเภทเนื้อปริมาณมาก จะพบว่ามีการขับเกลือแร่ชนิดหนึ่งคือ กรดยูริก (Uric acid) ออกมาในน้ำปัสสาวะมาก หรือรับประทานยอดผักหรือหน่อไม้มาก ๆ ก็จะมีโอกาสทำให้เกิดนิ่วจากสารออกซาเลต (Oxalate) ได้อีก ฉะนั้นผู้ป่วยที่เคยเป็นนิ่วด้วยสาเหตุนี้มาก่อนก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีกและเป็นบ่อย ๆ ถ้ายังไม่ลดหรือจำกัดการรับประทานอาหารเหล่านี้

2.) ผู้ป่วยโรคนิ่ว ถ้ารับประทานผักมาก ๆ ไม่ได้ จะได้รับวิตามินจากผักที่ไหน ?
ตอบ ขึ้นอยู่กับชนิดของนิ่วและไม่ใช่ผักทุกชนิดจะรับประทานไม่ได้ เพราะมีผักบางประเภทเท่านั้นที่คาดว่าเป็นสาเหตุของการเกิดนิ่ว เพราะฉะนั้นควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์จะดีกว่าว่าเป็นนิ่วชนิดใด

3.) การดื่มน้ำที่มีตะกอนจะมีส่วนทำให้เป็นนิ่วได้หรือไม่ ?
ตอบ การดื่มน้ำที่มีตะกอนหรือไม่ได้แกว่งสารส้มนั้น ไม่คิดว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดนิ่วได้ เพราะตะกอนจะเข้าไปอยู่ในลำไส้ จึงไม่น่าจะทำให้เกิดเป็นนิ่วได้

4.) การกระโดดเชือกจะช่วยรักษาโรคนิ่วได้จริงหรือ ?
ตอบ การกระโดดเชือกนั้นเป็นการให้คำแนะนำโดยแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในหลอดไตในขณะที่รอให้หลุดเองเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้อาจมีส่วนช่วยทำให้นิ่วหลุดเร็วขึ้นได้ แต่การดื่มน้ำให้มาก ๆ เพียงอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “นิ่วกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculus/Bladder stone)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 859-860.
  2. S. Materazzi, R. Curini, G. D’Ascenzo, and A. D. Magri (1995), TG-FTIR coupled analysis applied to the studies in urolithiasis: characterization of human renal calculi. Termochimica Acta, volume 264, 75–93.
  3. หาหมอดอทคอม.  “นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [29 มิ.ย. 2016].
  4. ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.  “นิ่วทางเดินปัสสาวะ”.  (ศ.นพ.ธงชัย พรรณลาภ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.si.mahidol.ac.th.  [30 มิ.ย. 2016].

ภาพประกอบ : www.webmd.com, wikipedia.org (by Steven Fruitsmaak), dxline.org, radiopaedia.org

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 2 สาเหตุของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 3 อาการของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 4 ภาวะแทรกซ้อนของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 5 การวินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 6 วิธีรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 7 วิธีป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • 8 คำถามที่พบบ่อย
  • 9 เรื่องที่เกี่ยวข้อง
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ