ดื้อยาแอนติไบโอติค (ตอนที่ 5 และตอนจบ)

11 ธันวาคม 2015
ดื้อยาแอนติไบโอติค

บางครั้ง โดยเฉพาะกรณีผู้สูงอายุอาจมีการอักเสบของลำไส้ใหญ่ (Colitis) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง นอกจากนี้ ยา Penicillins ยา cephalosporins รวมถึงยาปฏิชีวนะบางชนิด อาจไปลดการทำงานของการกินยาคุมกำเนิด (Oral contraceptives) ดังนั้นจึงควรระวังไว้ด้วย

The International Journal of Obesity ได้เผยแพร่งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จาก NY School of Medicine แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ว่า เด็กที่ใช้ยาปฏิชีวนะจะมีความเสี่ยงสูงต่อการมีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน

และเนื่องจากยาปฏิชีวนะบางชนิดจะไม่เหมาะกับคนบางโรค หรือกับหญิงมีครรภ์/หญิงที่กำลังให้นมบุตร หรือมีปฏิกริยา (Interact) เมื่อใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นและแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงควรใช้ปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์ ไม่ควรไปใช้ยาของคนอื่น

สำหรับการดื้อยาปฏิชีวนะ (Antibiotic resistance) สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เพราะแบคทีเรียสามารถกลายพันธุ์และดื้อยาปฏิชีวนะบางชนิดได้ ซึ่งมักเกิดในคนที่กินยาไม่ครบคอร์สหรือเชื้อแบคทีเรียยังคงหลงเหลืออยู่และพัฒนาเป็นการดื้อยาได้ ดังนั้นจึงควรกินยาให้ครบคอร์สแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม

การใช้ยาปฏิชีวนะที่พร่ำเพรื่อ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยก็ใช้ยาปฏิชีวนะแล้ว เป็นสาเหตุทำให้เกิดการดื้อยาปฏิชีวนะได้ จนทำให้เกิด “ซุปเปอร์บั๊ก” (Superbug) ซึ่งเป็นชื่อเรียกแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ เช่น

โดยลักษณะการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกต้อง เช่น

ส่วนลักษณะการจ่ายยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสม เช่น

ทั้งนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะที่ถูกต้อง ครบคอร์ส ตรงเวลา จะช่วยลดภาวะการดื้อยายาปฏิชีวนะได้

แหล่งข้อมูล

1. Antibiotics. [2015, December 10].

2. The Antibiotic Awareness Campaign. [2015, December 10].

3. Antibiotics: How Do Antibiotics Work? [2015, December 10].