การตรวจน้ำตาลในเลือด ตรวจเบาหวาน (Fasting Blood Sugar FBS FPG)

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด, การตรวจหาระดับน้ำตาลในกระแสเลือด หรือ การเจาะน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง (ภาษาอังกฤษ : Fasting Blood Sugar หรือ FBS)* หรือที่คนทั่วไปเรียกกันอย่างง่าย ๆ ว่า “การตรวจเบาหวาน” หรือ “การตรวจน้ำตาลในเลือด” คือ การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังการงดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (แต่ดื่มน้ำเปล่าได้) ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่ช่วยบ่งชี้ว่าปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือด ณ ขณะนั้นอยู่ในระดับปกติ ต่ำกว่าปกติ หรือสูงกว่าปกติ การตรวจนี้จึงเป็นการตรวจที่ช่วยคัดกรองและวินิจฉัยผู้ที่มีอาการแสดงหรือมีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ยังช่วยติดตามระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินผลการรักษา และตรวจเพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไปในผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วย

น้ำตาลในเลือดที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้มีชื่อเรียกเป็นการเฉพาะว่า “กลูโคส”** โดยจำนวนนับปริมาณของกลูโคสในเลือดนั้นจะวัดกันด้วยน้ำหนักของกลูโคสเป็นมิลลิกรัมต่อน้ำเลือด 1 เดซิลิตร (mg/dL) โดยระดับกลูโคสที่มีเลือดนี้

หมายเหตุ :

* Fasting Blood Sugar มีชื่อเรียกอื่นว่า Fasting Blood Glucose (FBG), Fasting Capillary Blood Glucose (FCG), Fasting Plasma Glucose (FPG), Blood Glucose, Blood Sugar, Blood Sugar Level

** กลูโคส (Glucose) คือ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่เป็นเชื้อเพลิงหลักให้ทุกเซลล์ในร่างกายเพื่อใช้สร้างพลังงาน กลูโคสถือว่าเป็นผลผลิตสุดท้ายจากการย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่จะเปลี่ยนเป็นกลูโคสได้สูงที่สุด (เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำตาล แอลกอฮอล์ ฯลฯ) โดยเมื่อผ่านกระบวนการย่อยจนถึงที่สุดแล้ว กลูโคสทุกโมเลกุลจะเข้าไปรออยู่ในน้ำเลือดทุกหลอดเลือดแดงเพื่อความพร้อมที่จะให้ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อนเป็นผู้นำพากลูโคสไปตามหลอดเลือด โดยนำส่งให้แก่ทุกเซลล์เพื่อช่วยให้เซลล์สามารถใช้ผลิตพลังงานเพื่อกระทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้ เช่น เซลล์สมองก็มีความคิดและอารมณ์แจ่มใส เซลล์กล้ามเนื้อก็มีกำลังวังชา ฯลฯ ระดับกลูโคสที่มีเลือดนี้จึงจำเป็นต้องมีพอดี ๆ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะน้อยไปก็ไม่พอใช้ (อาจหน้ามืด หมดแรง) ถ้ามากไปก็ทำให้เลือดข้น (เป็นเหตุให้หลอดเลือดอุดตัน)

ประโยชน์ของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

  1. เพื่อใช้ในการคัดกรองและวินิจฉัยผู้ที่มีอาการแสดงหรือมีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
  2. เพื่อใช้ติดตามระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินผลการรักษา
  3. เพื่อตรวจป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไปในผู้ป่วยเบาหวาน

การตรวจอื่นที่อาจช่วยยืนยันค่า FBS ได้

คำแนะนำก่อนตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
IMAGE SOURCE : www.youtube.com (by SunShine Day)
ตรวจน้ำตาลในเลือด
IMAGE SOURCE : www.webmd.com (การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง)

ต้องตรวจ FBS บ่อยแค่ไหน

ค่า FBS ที่อยู่ในระดับปกติ

ค่า FBS ที่อยู่ในระดับปกติ นับเป็นข้อมูลที่พึงประสงค์ของผู้รักสุขภาพทุกท่าน แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรที่จะประมาท และขอให้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเพื่อปกป้องร่างกายให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน เพราะธรรมชาติของโรคเบาหวานนั้น การป้องกันง่ายกว่าการแก้ไข

โดยค่า FBS ที่อยู่ในระดับปกตินั้นให้ยึดถือตามค่าที่แสดงไว้ในรายงานผลการตรวจเลือด (ถ้ามี) แต่ถ้าไม่มีให้ใช้ค่าปกติทั่วไป คือ 70 – 99 mg/dL (หรือ 3.9 – 5.5 mmol/L ถ้าเป็นระบบหน่วยนานาชาติ (SI))

ค่า FBS ที่ต่ำกว่าระดับปกติ

ค่า FBS ที่ต่ำกว่าปกติหรือต่ำกว่าปกติมาก ๆ ย่อมเป็นระดับที่ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า ร่างกายกำลังขาดแคลนเชื่อเพลิงอย่างหนัก ซึ่งนับเป็นสัญญาณอันตรายที่มีอาการต่าง ๆ ปรากฏให้ได้รู้ตัวเพื่อจะได้แก้ไขได้ทัน

ค่า FBS ที่สูงกว่าระดับปกติ

ค่า FBS ที่สูงกว่าปกติก็นับเป็นระดับที่ไม่พึงประสงค์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ระดับ FBS ที่ค่อย ๆ สูงขึ้นเกินกว่าค่าปกติทีละน้อยที่ผ่านไปแต่ละวัน ก็อาจทำให้ไม่ทันได้รู้สึกตัวและอาจไม่รู้สึกเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีความเจ็บปวดรวดร้าวใด ๆ ปรากฏให้เห็น แต่ค่าน้ำตาลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นสาเหตุที่บั่นทอนสุขภาพจนอาจก่อให้โรคแทรกซ้อนได้มากมายจนเป็นอันตรายถึงขั้นตาบอด ถูกตัดขา ไตวาย อัมพาต อัมพฤกษ์ สมองเสื่อม กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฯลฯ

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • 2 ประโยชน์ของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • 3 การตรวจอื่นที่อาจช่วยยืนยันค่า FBS ได้
  • 4 คำแนะนำก่อนตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • 5 ต้องตรวจ FBS บ่อยแค่ไหน
  • 6 ค่า FBS ที่อยู่ในระดับปกติ
  • 7 ค่า FBS ที่ต่ำกว่าระดับปกติ
  • 8 ค่า FBS ที่สูงกว่าระดับปกติ
เรื่องที่น่าสนใจ