การตรวจการทำงานของไต (BUN, Creatinine, Creatinine clearance, eGFR)

การตรวจการทำงานของไต

การตรวจการทำงานของไต (ภาษาอังกฤษ : Renal function test) คือ การตรวจดูสมรรถภาพการทำงานของไตได้จากการตรวจเลือดและการตรวจปัสสาวะ* ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วจะประกอบไปด้วยการตรวจ BUN, Creatinine และ eGFR ทั้งนี้ก็เพื่อดูว่าไตสามารถทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดขับทิ้งปัสสาวะได้เป็นปกติหรือไม่

หมายเหตุ : ไตเป็นอวัยวะคู่ที่ตั้งอยู่ใกล้กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอวทั้งด้านซ้ายและขวา มีหน้าที่ในการขับทิ้งของเสียออกจากร่างกาย, รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย, รักษาสมดุลของสภาวะความเป็นกรด-ด่าง, ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ, ผลิตฮอร์โมนสำคัญ ๆ เพื่อการดำรงชีวิตได้เป็นปกติของร่างกายมนุษย์

สาเหตุสำคัญที่อาจทำให้ไตทำหน้าที่บกพร่องหรือส่งผลก่อให้เกิดโรคไตที่สำคัญและท่านสามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, ยารักษาโรคที่ใช้ผิดขนาดหรือนานเกินไป, เหตุใด ๆ ที่มากระทบกระเทือนต่อไตโดยตรง (จากอุบัติเหตุต่าง ๆ และจากกีฬาบางชนิด เช่น เทควันโด มวยไทย ฟุตบอล), สารพิษต่าง ๆ (น้ำแร่ น้ำบ่อ น้ำหมัก ฯลฯ ที่ถูกอ้างว่าเป็นสมุนไพร แต่ไม่ผ่านการรับรอง) เป็นต้น (เพราะฉะนั้น หากท่านเป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงก็ต้องควบคุมให้ได้ ใช้ยารักษาโรคอย่างถูกต้องตามความจำเป็นด้วยความระมัดระวัง ระวังการเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนและระวังการเกิดอุบัติเหตุ และหากกินยาหรือสมุนไพรใด ๆ อยู่โดยไม่สมควรก็ควรหยุดโดยทันที เหล่านี้ก็จะช่วยปกป้องไตให้มีสุขภาพแข็งแรงและอยู่กับท่านไปอีกนานตราบเท่าที่ท่านยังมีลมหายใจได้)

ประสิทธิภาพการทำงานของไต

ธรรมชาติได้สร้างไตที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อช่วยสนับสนุนร่างกายให้อยู่อย่างปกติสุขตลอดช่วงชีวิต ซึ่งในทางการแพทย์

% ประสิทธิภาพการทำงานของไตที่ยังเหลืออยู่ของไต อาจบ่งชี้สภาวะไตและสุขภาพทั่วไป
100% ไตทั้ง 2 ข้างยังแข็งแรงดี
60-70% เจ้าของไตอาจยังไม่รู้สึกตัว
< 25% สุขภาพทั่วไปเริ่มทรุดหนัก
10-15% ต้องฟอกเลือดด้วยไตเทียม หรือต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตใหม่

หมายเหตุ : จากตัวเลขจะแสดงให้เห็นว่า ไตเป็นอวัยวะที่สำรองศักยภาพในการทำหน้าที่ได้สูงมาก แม้ในระดับที่ไตได้สูญเสียประสิทธิภาพการทำงานไปแล้วถึง 30-40% ไตก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้เหมือนคนปกติทั่วไป เจ้าของร่างกายจึงอาจจะยังไม่รู้ตัวหากไม่ได้สังเกตอย่างจริงจัง (ทั้ง ๆ ที่ ขณะเวลานั้นท่านอาจกำลังตกอยู่ในช่วงอันตรายร้ายแรงจนน่าเป็นห่วงจากโรคไตเรื้อรังก็ได้) ด้วยเหตุนี้ การตรวจเลือดเพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของไตสำหรับเตือนตนเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ควรกระทำ

BUN

BUN หรือ Blood Urea Nitrogen (ไนโตรเจนจากสารยูเรียที่มีอยู่ในกระแสเลือด) คือ การตรวจเลือดเพื่อหาปริมาณยูเรีย (บ้างก็เรียกว่า “การตรวจหาค่าบียูเอ็น”) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อตรวจดูการทำงานของไต ช่วยประเมินผล และช่วยติดตามผลการรักษาในโรคไต

ยูเรีย (Urea) คือ สารประกอบของของเสียอันเป็นผลผลิตสุดท้ายจากการเผาผลาญอาหารโปรตีนที่ตับ ทั้งนี้ ในชั้นต้นสารของเสียก็คือไนโตรเจน (Nitrogen) ซึ่งอยู่ในรูปของแอมโมเนีย (NH3 : ตัวการทำให้น้ำปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น) และต่อจากแอมโมเนียจึงสร้างเป็นสารยูเรีย (Urea) เพื่อให้ไตสามารถขับออกมาได้กับน้ำปัสสาวะ (Urine) ได้ แต่หากไตเริ่มบกพร่องหรือทำงานหนักมาช้านาน (เช่น เพราะกินเนื้อสัตว์มาอย่างไม่ยับยั้ง) ก็ย่อมเหลือสารยูเรียและไนโตรเจนจำนวนมากคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด จนตรวจค่า BUN ได้สูงผิดปกติ (ผู้ที่มีค่า BUN สูง ๆ นี้ ในทางการแพทย์จะเรียกว่า “Azotemia”)

อย่างไรก็ตาม ค่า BUN มิใช่ค่าปัจจัยชี้ขาดที่ใช้แสดงความสมบูรณ์ของไต แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งซึ่งจำเป็นที่จะใช้บ่งชี้ร่วมกับผลการตรวจเลือดตัวอื่น ๆ เช่น ค่า Creatinine, ค่า Creatinine clearance

Creatinine

Creatinine (ครีอะตินีน) หรือเรียกอย่างย่อ ๆ ว่า “Cr” คือ การตรวจสอบสมรรถภาพการทำงานของไตจากค่าครีอะตินีน โดยค่าครีอะตินีนที่ตรวจได้จะเป็นผลมาจากการออกแรงยืดหดหรือใช้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายในชีวิตประจำวันซึ่งค่อนข้างจะคงที่* ถ้าไตยังทำงานได้ดี มันก็จะขับทิ้งออกทางปัสสาวะและเหลือค้างในกระแสเลือดด้วยปริมาณคงที่ไว้ไม่มากนักจำนวนหนึ่ง Creatinine จึงตกค้างอยู่ในเลือดน้อยและวัดค่าได้น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าการทำหน้าที่ของไตเริ่มบกพร่องหรือเสียการทำงาน (เช่น เป็นโรคไตเรื้อรัง) ไตก็จะขับ Creatinine ออกทิ้งไม่ทันกับที่กล้ามเนื้อสร้างออกมา การตรวจค่า Creatinine ในเลือดจึงพบค่าที่สูงขึ้นผิดปกติ

ดังนั้น การตรวจ Creatinine จึงเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีในการคัดกรอง วินิจฉัย ประเมินยการรักษา และติดตามการรักษาโรคไตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเกิดไตเสื่อมต่าง ๆ (เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคไตเรื้อรังได้หากไม่รักษาอย่างเหมาะสม) หรือผู้ที่ได้รับยาบางชนิด ซึ่งจำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุของโรคและตรวจประเมินการทำงานของไต

หมายเหตุ : ในขณะที่กล้ามเนื้อมีการใช้พลังงานยืดหรือหดตัวอันเป็นการออกแรงทุกครั้ง (ไม่ว่าจะหนักหรือเบา) ชั้นของกล้ามเนื้อจะหลั่งสาร Creatine phosphate ออกมา (มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “Creatine”) สารนี้จึงเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่กล้ามเนื้อต้องออกแรงในการทำกิจวัตรประจำวัน แล้วร่างกายจะใช้วิธีการแตกตัว Creatine เป็นสารตัวใหม่ คือ Creatinine (ครีอะตินีน) ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่สามารถลอยได้ในกระแสเลือด เมื่อเลือดไหลเวียนผ่านไปที่ไตเมื่อใด ก็จะทำให้ไตกรอง Creatinine เกือบทั้งหมดออกไปนอกร่างกายทางน้ำปัสสาวะ (ด้วยเหตุนี้ ค่า Creatinine จึงมักจะไม่แตกต่างกันมากนักในแต่ละวัน และในแต่ละบุคคล เพราะค่านี้ไม่เกี่ยวกับอาหารที่กินมากนัก รวมทั้งไม่เกี่ยวกับตับ) ในน้ำปัสสาวะจึงย่อมมี Creatinine มากเป็นธรรมดา

แต่หากพบว่าค่าจากทั้ง 2 แหล่งนี้อยู่ในระดับที่ผิดปกติ คือ Creatinine ในเลือดสูงมากผิดปกติ แต่ Creatinine ในปัสสาวะต่ำมากผิดปกติ ก็ย่อมอาจบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าอาจกำลังเกิดโรคไตขึ้นค่อนข้างแน่นอนแล้ว จึงทำให้ไตกรองของเสียออกมาไม่ได้ในเกณฑ์ปกติและล้นคับคั่งอยู่ในเลือด ซึ่งการนำค่า Creatinine ในเลือด พร้อมกับค่า Creatinine ในน้ำปัสสาวะที่เก็บไว้จากการถ่ายออกมาทั้งวันหรือ 24 ชั่วโมง ประกอบกับการคำนวณในห้องปฏิบัติการ ก็จะทำให้ได้ค่าที่เรียกว่า “ค่าสำรองความสามารถของไตที่เหลือในการกำจัดครีอะตินีน” (Creatinine clearance) ที่แสดงข้อมูลสุขภาพของไตได้อย่างถูกต้องชัดเจนกว่าค่า Creatinine ในเลือดเพียงเดี่ยว ๆ (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อด้านล่าง)

การตรวจการทํางานของไต
IMAGE SOURCE : 123RF

BUN / Creatinine Ratio

BUN / Creatinine คือ การคำนวณอัตราส่วนระหว่างค่า BUN (Blood Urea Nitrogen) ต่อ ค่า Creatinine (คำนวณจากค่า BUN หารด้วยค่า Creatinine) ซึ่งได้จากผลการตรวจเลือดในวาระเดียวกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณอัตราส่วนนี้สามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคหรือบ่งชี้โรคเกี่ยวกับไตได้ดีพอสมควร ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์อื่นใดในการตรวจหรือยังมิได้แตะต้องกระทบกระเทือนใด ๆ ต่อไตเลยก็ตาม

eGFR

การตรวจหาอัตราการกรองของไต หรืออัตราการกรองของเสียของไต (Estimated glomerular filtration rate : eGFR หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “GFR”) คือ การตรวจหาค่าอัตราการไหลของเลือดผ่านตัวกรองไตในหนึ่งนาที โดยเป็นค่าที่ได้จากการคำนวณ Creatinine เพศ อายุ และเชื้อชาติของผู้รับการตรวจแต่ละคน (ค่า Creatinine ยิ่งสูง จะยิ่งทำให้ GFR มีค่าต่ำ) ในห้องแล็บที่ยังไม่ทันสมัยจะไม่รายงานผลของค่านี้ ถ้าอยากทราบก็สามารถเอาค่าของ Creatinine ที่ได้ไปค้นหา GFR calculator ตามเว็บไซต์ทั่วไปได้ครับ

การคำนวณGFR
IMAGE SOURCE : www.mdcalc.com

Creatinine clearance

การตรวจค่าสำรองความสามารถของไตที่เหลือในการกำจัดครีอะตินีน หรือครีอะตินีนเคลียรานซ์ (Creatinine clearance : CrCl) คือ การตรวจเพื่อประเมินอัตราการกรองของไตเหมือนการตรวจ eGFR แต่จะเป็นการนำค่า Creatinine ที่ได้จากการเจาะเลือด และค่า Creatinine ที่ได้จากการเก็บปัสสาวะที่เก็บรวบรวมทั้งวันหรือ 24 ชั่วโมง มาประกอบกับการคำนวณในห้องปฏิบัติการ หากพบว่าค่าจากทั้ง 2 แหล่งนี้อยู่ในระดับที่ผิดปกติ (Creatinine ในเลือดสูง แต่ Creatinine ในปัสสาวะต่ำ) ก็ย่อมอาจบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่ากำลังเกิดโรคไตขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว จึงทำให้ไตกรองของเสียออกมาไม่ได้ในเกณฑ์ปกติและล้นคับคั่งอยู่ในเลือด

อย่างไรก็ตาม การตรวจนี้เป็นการตรวจพิเศษ ในแบบฟอร์มการตรวจเลือดจึงมิได้ระบุค่านี้เอาไว้ เนื่องจากมิใช่เป็นหัวข้อการเจาะเลือดตรวจตามปกติหรือตามระยะเวลา เพราะมีกระบวนการเก็บข้อมูลที่ยุ่งยากกว่าดังกล่าว และมักเป็นการตรวจตามคำสั่งแพทย์

ด้วยเหตุนี้ การตรวจ eGFR จึงเป็นที่นิยมมากกว่าการตรวจ Creatinine clearance เพราะนอกจากจะสะดวกกว่าแล้ว ค่าที่ได้ก็ยังค่อนข้างใกล้เคียงกันอีกด้วย ยกเว้นในบางกรณีที่ค่า eGFR ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการคำนวณนั้นไม่น่าเชื่อถือ เช่น ผู้รับการตรวจมีการเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร (เช่น กินมังสวิรัติ หรือมีการเพิ่ม Creatine supplementation) หรือมีการเปลี่ยนของกล้ามเนื้อ (เช่น ขาดอาหาร กล้ามเนื้อลีบ ถูกตัดแขนหรือขา)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 การตรวจการทำงานของไต
  • 2 ประสิทธิภาพการทำงานของไต
  • 3 BUN
  • 4 Creatinine
  • 5 BUN / Creatinine Ratio
  • 6 eGFR
  • 7 Creatinine clearance
เรื่องที่น่าสนใจ