กรดไหลย้อน (GERD) อาการ, สาเหตุ, การรักษาโรคกรดไหลย้อน 25 วิธี

โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน, โรคน้ำย่อยไหลกลับ, โรคกรดไหลกลับ หรือ โรคเกิร์ด (Gastroesophageal reflux disease – GERD) หมายถึง ภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดไหลย้อนกลับขึ้นไประคายเคืองในหลอดอาหารและลำคอ ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ลำคอ และกล่องเสียงอักเสบ

กรดไหลย้อน เป็นโรคที่พบได้ประมาณ 10-15% ของผู้ที่มีอาการอาหารไม่ย่อย (Syspepsia) เป็นโรคที่พบได้ในคนทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยจะพบอัตราการเกิดสูงขึ้นในคนที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป (พบสูงสุดในคนอายุ 60-70 ปีขึ้นไป) แต่ก็อาจพบได้ในเด็กเล็กและคนวัยหนุ่มสาวได้ด้วยเช่นกัน ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ใกล้เคียงกัน

มีรายงานว่า ในคนตะวันตกจะพบโรคนี้ได้ประมาณ 10-20% ของประชากร ส่วนในสหรัฐอเมริกาพบคนที่มีอาการของโรคนี้ประมาณ 25-40% โดยคาดว่าเมื่อคนมีอายุยืนยาวมากขึ้นก็จะพบโรคนี้ได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

เกิดจากภาวะหย่อนสมรรถภาพของหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหาร (Lower esophagel sphincter – LES) ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดส่วนนี้ปิดไม่สนิท จึงเปิดช่องให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารและลำคอ น้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุของอวัยวะเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการไม่สบายและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา

โดยภาวะปกติในขณะที่เรากลืนอาหารนั้น กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารนี้จะหย่อนคลายตัวเพื่อเปิดให้อาหารไหลผ่านลงไปในกระเพาะอาหาร เมื่ออาหารไหลผ่านลงไปกระเพาะจนหมดแล้ว หูรูดนี้ก็จะหดรัดตัวเพื่อปิดกั้นไม่ให้อาหารและน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารจนทำอันตรายต่อเยื่อบุหลอดอาหารได้

สาเหตุที่ทำให้หูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารหย่อนสมรรถภาพนั้น ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากความเสื่อมตามอายุหรือหูรูดยังเจริญไม่เต็มที่ (ในทารก) หรือมีความผิดปกติโดยกำเนิด

กรดไหลย้อนเกิดจาก

โรคกรดไหลย้อน

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน ได้แก่

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบ

อาการของโรคกรดไหลย้อน

อาการของกรดไหลย้อน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคกรดไหลย้อน

แม้ว่าโรคกรดไหลย้อนจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็จัดเป็นโรคเรื้อรังที่น่ารำคาญและสร้างความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป เนื่องจากผู้ป่วยที่รู้จักปฏิบัติตัวและคอยใช้ยาควบคุมอาการอยู่เสมอ มักจะไม่ทำให้มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยปละละเลยก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น

การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ในเบื้องต้นได้จากลักษณะอาการที่แสดงดังกล่าว การตรวจลำคอ การตรวจร่างกาย การตรวจภาพปอดด้วยเอกซเรย์เพื่อแยกจากโรคปอดต่าง ๆ การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนเพื่อแยกออกจากสาเหตุอื่น ๆ ให้แน่ชัด เช่น แผลเพ็ปติก มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจมีอาการที่คล้ายกับโรคกรดไหลย้อน (สำหรับโรคกรดไหลย้อน อาจตรวจพบร่องรอยการอักเสบของหลอดอาหาร แผลที่หลอดอาหาร หรือหลอดอาหารบาร์เรตต์ แต่ถ้าเป็นในระยะแรกเริ่มก็อาจตรวจพบรอยโรคที่หลอดอาหารก็ได้) และอาจตัดชิ้นเนื้อในบริเวณที่ผิดปกติจากการส่องกล้องตรวจไปพิสูจน์เพื่อแยกจากโรคมะเร็งหลอดอาหาร และอาจมีการตรวจวิธีเฉพาะเพิ่มเติมอื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การเอกซเรย์กลืนสารทึบแสง, การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์, การตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร, การตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร (ให้ผลที่ไวในการวินิจฉัยโรคที่สุด) เป็นต้น

ในรายที่ไปพบแพทย์ทางโรคหู คอ จมูก ด้วยอาการเสียงแหบ เจ็บคอ ไอเรื้อรัง หรืออาการหอบหืดเป็นมากขึ้น เนื่องจากมีการไหลย้อนของน้ำย่อยไประคายเคืองที่กล่องเสียง คอหอย และหลอดลม แพทย์อาจวินิจฉัยโรคนี้ได้จากการใช้เครื่องมือตรวจพบสายเสียงบวมแดง

วิธีรักษาโรคกรดไหลย้อน

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและไม่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ก็จัดว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตค่อนข้างมาก ส่วนการรักษาให้หายมักเป็นไปได้ยาก แต่การรักษาจะช่วยให้โรคสงบได้นานและช่วยชะลอหรือลดความรุนแรงของโรคได้ ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรระลึกไว้เสมอว่า โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่สุ่มเสี่ยงร่วมไปกับการรักษาจากแพทย์ในกรณีที่มีอาการต่อเนื่อง เพราะการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต จะไม่สามารถควบคุมโรคกรดไหลย้อนที่เป็นอยู่ได้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “โรคกรดไหลย้อน/เกิร์ด (Gastroesophageal reflux disease/GERD)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 533-536.
  2. ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “เกิร์ด (GERD) – โรคกรดไหลย้อน”.  (รศ.ดร.สุจิตรา ทองประดิษฐ์โชติ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th.  [09 ก.ค. 2016].
  3. Siamhealth.  “โรคกรดไหลย้อน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.siamhealth.net.  [09 ก.ค. 2016].
  4. หาหมอดอทคอม.  “กรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [10 ก.ค. 2016].

ภาพประกอบ : childrensgimd.com, weightlossdfw.com, www.wikihow.com, www.bariatricinnovationsatl.com, conditions.healthguru.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 โรคกรดไหลย้อน
  • 2 สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
  • 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบ
  • 4 อาการของโรคกรดไหลย้อน
  • 5 ภาวะแทรกซ้อนของโรคกรดไหลย้อน
  • 6 การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน
  • 7 วิธีรักษาโรคกรดไหลย้อน
  • 8 วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน
  • 9 เรื่องที่เกี่ยวข้อง
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ