29 สรรพคุณและประโยชน์ของต้นคว่ำตายหงายเป็น

คว่ำตายหงายเป็น

คว่ำตายหงายเป็น ชื่อวิทยาศาสตร์ Bryophyllum pinnatum (Lam.) Oken (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Kalanchoe pinnata (Lam.) Pers.) จัดอยู่ในวงศ์กุหลาบหิน (CRASSULACEAE)[1],[2],[3]

สมุนไพรคว่ำตายหงายเป็น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กาลำ (ตราด), แข็งโพะ แข็งเพาะ โพะเพะ โพ้ะเพะ (นครราชสีมา), ต้นตายปลายเป็น (จันทบุรี), ทองสามย่าน (กาญจนบุรี), เพรอะแพระ (ประจวบคีรีขันธ์), ส้มเช้า (ประจวบคีรีขันธ์, สุราษฎร์ธานี, ตรัง), มะตบ ล็อบแล็บ ลบลับ ลุบลับ ลุมลัง (ภาคเหนือ), ยาเท้า ยาเถ้า มะตบ ล็อบแลบ ลุบลับ ฮ้อมแฮ้ม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), กระลำเพาะ ต้นตายใบเป็น นิรพัตร เบญจฉัตร (ภาคกลาง), กะเร คว่ำตายหงายเป็น (ชลบุรี, ภาคใต้), ปะเตียลเพลิง (เขมร-จันทบุรี), ตะละ ตาละ (มาเลย์-ยะลา), โกดเกาหลี (คนเมือง), สะแกหล่า (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), บล้งตัวเก่า (ม้ง), กะลำเพาะ เพลาะแพละ นิรพัตร ต้านตายใบเป็น ฆ้องสามย่านตัวเมีย (ไทย), ลั่วตี้เซิงเกิน (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2],[3],[6]

ลักษณะของคว่ำตายหงายเป็น

ต้นคว่ำตายหงายเป็น

ใบคว่ำตายหงายเป็น

ต้นตายใบเป็น

ดอกคว่ำตายหงายเป็น

สรรพคุณของคว่ำตายหงายเป็น

  1. ทั้งต้นและรากมีรสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอดและไต ใช้เป็นยาทำให้เลือดเย็น เป็นยาฟอกเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี (ราก, ทั้งต้น)[3]
  2. คนเมืองจะใช้นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง (ใบ)[6]
  3. ชาวเขาเผ่าแม้วจะใช้ใบคว่ำตายหงายเป็นนำมาผสมกับก้านและใบขี้เหล็กอเมริกา ใบสับปะรด และแก่นสนสามใบ ต้มอบไอน้ำ ช่วยบำรุงกำลังสำหรับคนติดฝิ่น (ใบ)[1]
  4. รากนำมาตากแห้งใช้เป็นยาลดไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ (ราก)[4]
  5. ใช้เป็นยาแก้ไอเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด (ราก, ทั้งต้น)[3]
  6. ใบใช้วางบนหน้าอกเป็นยารักษาอาการไอและอาการเจ็บหน้าอก บ้างใช้นำมาวางไว้บนศีรษะเป็นยาแก้ปวดหัว (ใบ)[2]
  1. ใช้เป็นยาแก้คอบวม คอเจ็บ ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำคั้นเอาน้ำมาอมกลั้วคอ (ทั้งต้น)[3]
  2. ตำรายาไทยจะใช้ใบนำมาตำคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ปวดท้อง แก้อหิวาตกโรค (ใบ)[1],[2],[4]
  3. ใช้เป็นยาแก้อาการปวดกระเพาะ กระเพาะแสบร้อน ด้วยการใช้รากและใบสด นำมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย ใช้รับประทาน (รากและใบ)[3]
  4. ใบนำมาตำคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว (ใบ)[1],[2]
  5. ชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว และเย้า จะใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาช่วยให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น (ใบ, ทั้งต้น)[1]
  6. ใบนำมาต้มกับน้ำกินหลังคลอดเป็นยาแก้อาการผิดเดือน (บ้านม้งหนองหอย แม่แรม เชียงใหม่) (ใบ)[7]
  7. ใช้เป็นยาแก้อาการบวมน้ำ (ราก, ทั้งต้น)[3]
  8. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ใบหรือรากสดนำมาตำพอกเป็นยาห้ามเลือด รักษาแผลสด แผลโดนมีดบาด ช่วยสมานบาดแผล ทำให้แผลหายเร็ว (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[1],[3],[4]
  9. ใบหรือทั้งต้นใช้ตำพอกรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (ชนิดไม่เป็นมาก) และผิวหนังไหม้ที่เกิดจากการถูกแดดเผา หรือใช้เฉพาะใบเอามาเผาไฟเล็กน้อยนำมาตำพอกก็ได้ (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[1],[2],[3],[4],[5]
  10. ใบใช้ตำพอกเป็นยาฆ่าเชื้อ รักษาโรคผิวหนัง รักษาตาปลา รักษาหูดที่เท้า (ใบ)[2],[4]
  11. ใช้เป็นยาแก้ฝีหนองทั้งภายในและภายนอก รักษาฝี แก้พิษฝีหนอง ฝีเต้านม ด้วยการใช้รากและใบสดรวมกัน 60 กรัม นำมาตำให้พอแหลก คั้นเอาน้ำผสมกับน้ำผึ้ง ใช้รับประทาน ส่วนกากที่เหลือนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[3]
  12. น้ำคั้นจากใบใช้หยดลงบนผิวหนังเพื่อรักษาโรคหิดและขี้เรื้อน (ใบ)[2]
  13. รากนำมาตากแห้งใช้เป็นยาแก้หัดหรืออีสุกอีใสได้ (ราก)[4]
  14. ใบใช้เป็นยาแก้ลมพิษ โดยนำมาตำพอกบริเวณผื่น (ใบ)[5]
  15. ใบใช้ตำพอกแก้อาการปวดอักเสบ ฟกช้ำบวม ขับพิษ ถอนพิษ (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[1],[2],[3],[4]
  16. น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับการบูร นำมาทาถูนวดแก้อาการเคล็ดขัดยอก แพลง กล้ามเนื้ออักเสบ และช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดี หรือทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมาก ๆ หรือจะใช้รากหรือทั้งต้นสดนำมาตำพอกแก้อาการเคล็ดขัดยอกก็ได้ (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[1],[2],[3],[4]
  17. น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาทารักษาโรคไขข้ออักเสบ (ใบ)[2]
  18. ชาวม้งจะใช้ใบนำมาหั่นให้เป็นฝอยแล้วตุ๋นกับไข่รับประทานเป็นยาแก้อาการปวดหลังปวดเอว (ใบ)[6]
  19. ใบหรือทั้งต้นใช้ตำพอกแก้อาการปวดกระดูก กระดูกหัก กระดูกร้าว ปวดตามข้อ (ราก, ใบ, ทั้งต้น)[1],[3]
  20. บางข้อมูลระบุว่าให้ใช้ใบนำมาคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมันมะพร้าวใช้เป็นยาทาถูนวดระงับอาการโตของอวัยวะในโรคเท้าช้าง (ใบ) (ข้อมูลที่ได้มาไม่มีแหล่งอ้างอิง)

ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [3] ใบแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม รากแห้งให้ใช้ครั้งละ 36 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานหรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา ส่วนการนำมาใช้ภายนอกให้ใช้ยาสดประมาณ 30-60 กรัม นำมาตำพอกแผลบริเวณที่ต้องการ[3]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของคว่ำตายหงายเป็น

ประโยชน์ของคว่ำตายหงายเป็น

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “คว่ำตายหงายเป็น”.  หน้า 136.
  2. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “คว่ำตายหงายเป็น”.  หน้า 170-172.
  3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “คว่ำตายหงายเป็น”.  หน้า 156.
  4. นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 166 ตุลาคม 2557 โดย มีคณา.
  5. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  (รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด).  “คว่ำตายหงายเป็น”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.cmu.ac.th.  [23 ม.ค. 2015].
  6. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “คว่ำตายหงายเป็น”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.  [23 ม.ค. 2015].
  7. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “Kalanchoe pinnata (Lam.) Pers.”.  อ้างอิงใน : สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 2 หน้า 47.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org.  [23 ม.ค. 2015].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Steven Severinghaus, Forest and Kim Starr, XJ, ashitaka, Ann Collier)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 คว่ำตายหงายเป็น
  • 2 ลักษณะของคว่ำตายหงายเป็น
  • 3 สรรพคุณของคว่ำตายหงายเป็น
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของคว่ำตายหงายเป็น
  • 5 ประโยชน์ของคว่ำตายหงายเป็น
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ