22 สรรพคุณและประโยชน์ของต้นมะเหลี่ยมหิน

มะเหลี่ยมหิน

มะเหลี่ยมหิน ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhus chinensis Mill.[1] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Rhus javanica var. chinensis (Mill.) T.Yamaz.)[2] จัดอยู่ในวงศ์มะม่วง (ANACARDIACEAE)[1]

สมุนไพรมะเหลี่ยมหิน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะผด ส้มผด (เชียงใหม่, เชียงราย), มะเหลี่ยมหิน ซุง (เชียงใหม่), ตะซาย (เย้า เชียงใหม่), สำค้ำ (ชัยภูมิ), เส่ฉี่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), เส่ชิ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), ลำยึ ไม้สมโพด แผละยึ เพี๊ยะยึ มักพด (ลั้วะ), เป็นต้น[1],[2],[3]

ลักษณะของมะเหลี่ยมหิน

ต้นมะเหลี่ยมหิน

ใบมะเหลี่ยมหิน

ดอกมะเหลี่ยมหิน

ผลมะเหลี่ยมหิน

สรรพคุณของมะเหลี่ยมหิน

  1. รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ (ราก)[1]
  2. ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่จะนำผลมาแช่ในน้ำใส่เกลือ ใช้ดื่มเป็นยาแก้อาการหวัด แต่วิธีนี้ใช้ได้ผลสำหรับบางคนเท่านั้น (ผล)[3]
  3. ชาวเขาเผ่าอีก้อจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ ส่วนตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้รากมะเหลี่ยมหิน ผสมกับรากสาบเสือ รากปืนนกไส้ ก้นจ้ำทั้งต้น และผักปลายทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ มีน้ำมูกข้น (ราก)[1],[3] ส่วนชาวลั้วะจะนำผลไปต้มผสมกับขิงรับประทาน (ผล)[3]
  1. ต้นและเมล็ดนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการเจ็บคอและหวัด (ต้นและเมล็ด)[3]
  2. รากใช้ต้มกับน้ำกินแก้ปวดแสบลิ้นปี่ (ราก)[1]
  3. รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย อาหารเป็นพิษ (ราก)[1],[3] หรือใช้รากผสมรวมกับสมุนไพรอื่นเป็นยารักษาอาการปวดท้อง (ราก)[4]
  4. ชาวมูเซอจะใช้ยอดอ่อนผสมกับไข่หมกกินเป็นยาแก้ท้องเสีย (ยอดอ่อน)[3]
  5. ผลนำมาเคี้ยวกินแล้วดื่มน้ำตาม จะช่วยรักษาโรคริดสีดวง (ผล)[3]
  6. ใบสดนำมาตำคั้นเอาน้ำใช้เป็นยาทาหรือพอกรักษาแผลสด แผลถลอก ช่วยสมานแผล และช่วยห้ามเลือด (ใบ)[1],[3]
  7. ต้นและเมล็ดใช้ตำพอกแก้บาดแผล (ต้นและเมล็ด)[3]
  8. ใบใช้พอกแผลที่ถูกงูกัด (ใบ)[4]
  9. ใบนำมาต้มกับน้ำอาบแก้อาการผื่นคัน ตุ่มพอง โรคผิวหนังตามร่างกาย และให้สตรีอาบหลังคลอดบุตรใหม่ (ใบ)[3]
  10. ลำต้นใช้ต้มกับน้ำล้างแผล ฝี หนอง ติดเชื้อ (ลำต้น)[4]
  11. ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการคันจากพิษยางรัก (ทั้งต้น)[4]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะเหลี่ยมหิน

ประโยชน์ของมะเหลี่ยมหิน

  1. ผลมีรสเปรี้ยวใช้รับประทานได้ ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่จะนำผลมาตำใส่เกลือและพริกรับประทาน ส่วนชาวลั้วะจะนำผลมาคลุกกับเกลือหรือกะปิรับประทาน หรือรับประทานร่วมกับลำชิเพียร มีรสเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ[1],[3]
  2. ผลใช้ปรุงอาหาร ช่วยทำให้มีรสเปรี้ยว[2]
  3. ชาวอีก้อจะใช้ใบอ่อนผสมกับหน่อไม้รับประทานเป็นอาหารประเภทผัก[3]
  4. คนเมืองจะใช้เปลือกต้นนำมาขูดใส่ลาบเพื่อช่วยให้มีรสชาติอร่อย[3]
  5. ลำต้น ราก และใบ นำมาต้มใช้น้ำทำความสะอาดร่างกาย[3]
  6. ผลนำมาถูบริเวณส้นเท้าที่แตก[4]
  7. ใช้ใบ 9 ใบ นำมาวางบนก้อนหินในยุ้งฉางก่อนจะใส่ข้าวเพื่อเก็บ เชื่อว่าจะทำให้ข้าวปลอดภัยจากการทำลายของสัตว์[3]
  8. ลำต้นใช้ทำรั้ว ส่วนกิ่งก้านใช้ทำฟืน[3]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “มะเหลี่ยมหิน”.  หน้า 185.
  2. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “ส้มผด”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.  [31 ต.ค. 2014].
  3. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “มะเหลี่ยมหิน, ส้มผด”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์)., องค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย เล่ม 3 (สุธรรม อารีกุล, จำรัส อินทร, สุวรรณ ทาเขียว, อ่องเต็ง นันทแก้ว).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก :  eherb.hrdi.or.th.  [31 ต.ค. 2014].
  4. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “ส้มผด”.  อ้างอิงใน : หนังสือพืชสมุนไพร เล่ม 2.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org.  [31 ต.ค. 2014].

ภาพประกอบ : en.wikipedia.org, treeflower.la.coocan.jp

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 มะเหลี่ยมหิน
  • 2 ลักษณะของมะเหลี่ยมหิน
  • 3 สรรพคุณของมะเหลี่ยมหิน
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะเหลี่ยมหิน
  • 5 ประโยชน์ของมะเหลี่ยมหิน
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ