ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) อาการ, สาเหตุ, การรักษา ฯลฯ

ไฮโปไทรอยด์

ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือภาวะขาดไทรอยด์ (Underactive thyroid) หรือที่บางคนเรียกว่า ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ, ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย, ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างไทรอยด์ฮอร์โมนได้น้อยไม่เพียงพอหรือไม่สามารถสร้างไทรอยด์ฮอร์โมนได้เลย ทำให้ร่างกายทุกส่วนรวมทั้งสมองและความคิดทำงานเชื่องช้า เนื่องจากขาดไทรอยด์ฮอร์โมนไปกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญเป็นพลังงานให้เซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำงานได้ จึงทำให้กิดอาการไม่สบายต่าง ๆ ขึ้นตามมา

ไฮโปไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากตัวของโรคต่อมไทรอยด์เองจะเรียกว่า “ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนปฐมภูมิ” (Primary hypothyroidism) แต่หากเกิดจากความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือของสมองส่วนไฮโปทาลามัสแล้วส่งผลกระทบมายังการทำงานของต่อมไทรอยด์จะเรียกว่า “ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนทุติยภูมิ” (Secondary hypothyroidism)

ไฮโปไทรอยด์เป็นภาวะที่พบได้บ่อยภาวะหนึ่ง โดยพบได้ประมาณ 2-5% ของประชากรทั่วไป สามารถพบได้ในคนทุกวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้มากในผู้หญิงวัยกลางคน (ในเด็กเกิดใหม่ทุก 3,000-4,000 คน จะพบภาวะนี้ได้ 1 คน ส่วนในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไปจะพบได้ประมาณ 15% และพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2-8 เท่า)

หมายเหตุ : ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) เป็นต่อมไร้ท่อที่อยู่ด้านหน้าของลำคอ โดยอยู่ด้านข้างและใต้ต่อกระดูกอ่อนไทรอยด์ (Thyroid cartilage) มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ ประกอบไปด้วย 2 กลีบใหญ่ คือ กลีบด้านซ้ายและด้านขวาที่แผ่ออกทางด้านข้างและคลุมพื้นที่บริเวณด้านหน้าและด้านข้างของหลอดลม

ต่อมไทรอยด์จะสร้างฮอร์โมนสำคัญ 3 ชนิด คือ ไทรอกซีน (Thyroxine), ไตรไอโอโดไทโรนีน (Triiodothyronine) และแคลซิโทนิน (Calcitonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญน้อยกว่าฮอร์โมนไทรอกซีนและฮอร์โมนไตรไอโอโดไทโรนีน ดังนั้น โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงไทรอยด์ฮอร์โมนจึงมักหมายถึงเฉพาะฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ เพราะฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีหน้าที่สำคัญมาก คือ ควบคุมดูแลการใช้พลังงานทั้งหมดจากอาหารและจากออกซิเจน หรือที่เรียกว่าเมตาบอลิซึม (Metabolism) ของเซลล์ต่าง ๆ เพื่อการเจริญเติบโต เพื่อการทำงาน และเพื่อการซ่อมแซมที่บาดเจ็บสึกหรอ และยังช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายด้วย ส่วนฮอร์โมนแคลซิโทนินนั้นจะมีหน้าที่แค่ช่วยควบคุมการทำงานของเกลือแร่แคลเซียมในร่างกายให้สมดุล

ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่ทำงานโดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) และของสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งทั้งต่อมใต้สมองและสมองไฮโปทาลามัสยังควบคุมการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ด้วย เช่น ต่อมหมวกไต อัณฑะ และรังไข่ และยังมีความสัมพันธ์กับอารมณ์และจิตใจ ดังนั้น การทำงานของต่อมไทรอยด์ รวมทั้งภาวะผิดปกติต่าง ๆ ของต่อมไทรอยด์จึงสัมพันธ์กับการทำงานและโรคต่าง ๆ ของอวัยวะเหล่านั้น รวมถึงสัมพันธ์กับอารมณ์และจิตใจด้วย

สาเหตุของไฮโปไทรอยด์

หากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาได้ไม่เพียงพอจะก่อให้เกิดภาวะขาดไทรอยด์ได้ โดยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้

นอกจากนี้ ไฮโปไทรอยด์ยังอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก เช่น

นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะขาดไทรอยด์ได้ ดังนี้

อาการของไฮโปไทรอยด์

อาการไฮโปไทรอยด์ในผู้ใหญ่ที่พบจะมีอยู่หลากหลายอาการและจะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงที่ผู้ป่วยขาดฮอร์โมนดังกล่าว ทั้งนี้ อาการบางอย่างที่ปรากฏขึ้นอาจแสดงออกไม่ชัดเจน คล้ายกับอาการป่วยของโรคอื่น และบางอาการก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยทุกราย แต่โดยทั่วไปแล้วอาการจะค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้น ซึ่งมักจะใช้เวลาหลายปี (อาการจะค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ เกิดอาการ ไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน) หากกระบวนการเมตาบอลิซึมทำงานช้าลงจะก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ โดยแบ่งเป็นอาการที่พบบ่อยและอาการที่พบได้น้อย ดังนี้

ส่วนในทารก เด็ก และวัยรุ่นที่ป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์จะเกิดอาการดังนี้

โรคไฮโปไทรอยด์
IMAGE SOURCE : www.endocrineweb.com

โดยทั่วไปไฮโปไทรอยด์เป็นภาวะที่ไม่รุนแรง รักษาได้ แต่ผู้ป่วยอาจต้องกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนไปตลอดชีวิต ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาหรือกินยา อาการต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะไม่หายไปและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาการก็จะทุเลาลงได้ภายในเวลาไม่นาน และร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพปกติได้ภายในไม่กี่เดือน (แต่ถ้าขาดยาอาการก็จะกลับมากำเริบได้ใหม่) ส่วนในทารกแรกเกิด ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ก่อนอายุได้ 1 เดือน (ก่อนมีอาการชัดเจน ซึ่งตรวจพบได้จากการตรวจเลือด) เด็กก็จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติทั้งทางร่างกายและสมอง แต่เด็กยังคงต้องกินยาทุกวันและห้ามหยุดยา

ภาวะแทรกซ้อนของไฮโปไทรอยด์

ภาวะแทรกซ้อนจากอาการป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจเกิดอาการต่อไปนี้ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและในด้านการงานได้

อาการไฮโปไทรอยด์
IMAGE SOURCE : www.gponline.com

การวินิจฉัยไฮโปไทรอยด์

แพทย์จะทำการซักประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยและการรักษาโรคในอดีต ประวัติการใช้ยาต่าง ๆ และจะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการอ่อนเพลีย ตัวบวมฉุ หน้าบวม คิดช้าและทำอะไรช้ากว่าที่เคย ผิวหนังหยาบแห้งและเย็น ผมบางและหยาบ ผมร่วง ขนคิ้วร่วง ชีพจรเต้นช้า (อาจต่ำกว่า 50 ครั้ง/นาที) อาจตรวจพบอาการคอโตหรือไม่ก็ได้ ส่วนในทารกอาจตรวจพบอาการตัวอ่อนปวกเปียก ซีด ดีซ่าน ผิวหยาบแห้ง ลิ้นโตคับปาก ท้องป่อง สะดื่อจุ่น

หากสงสัยแพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม โดยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับทีเอสเอชและฮอร์โมนไทรอยด์ (ผู้ที่มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานจะจัดว่าป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ ส่วนผู้ที่ระดับฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีระดับทีเอสเอชสูง ก็จัดว่าป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ด้วยเช่นกัน โดยจะเรียกว่า “ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำแบบไม่มีอาการ” (Subclinical hypothyroidism)) ซึ่งมีรายละเอียดการตรวจดังนี้

นอกจากนี้ยังอาจมีการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การตรวจเอกซเรย์ปอดเพื่อดูภาพหัวใจ (อาจพบว่ามีภาวะหัวใจโต เนื่องจากมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจหรือน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด), การตรวจสแกนต่อมไทรอยด์ (เป็นการตรวจที่อาจช่วยวินิจฉัยตำแหน่งของอาการป่วยได้), การตรวจเอกซเรย์สมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ร่วมกับการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมในกรณีที่แพทย์สันนิษฐานว่าสาเหตุของโรคน่าจะมาจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อไฮโปทาลามัส (Hypothalamus)

ตรวจไฮโปไทรอยด์
IMAGE SOURCE : www.endocrineweb.com

การแยกโรค

เนื่องจากไฮโปไทรอยด์มีอาการแสดงได้หลายอย่าง แพทย์จึงต้องแยกโรคนี้ออกจากสาเหตุอื่น ๆ มากมาย เช่น

การรักษาไฮโปไทรอยด์

แนวทางการรักษาไฮโปไทรอยด์ คือ การรักษาที่สาเหตุหรือแก้ไขที่ต้นเหตุ (ในกรณีที่แก้ได้) เช่น ถ้ามีสาเหตุเกิดจากการใช้ยาบางชนิดนี้ เมื่อหยุดยานั้น (ถ้าหยุดได้) อาการต่าง ๆ ก็จะทุเลาลงไปได้เอง

แต่ถ้าเป็นไฮโปไทรอยด์ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้ ซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ไฮโปไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากการฉายรังสีบริเวณลำคอ การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ การกินน้ำแร่รังสีไอโอดีนเพื่อรักษาภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เป็นต้น ผู้ป่วยก็จำเป็นต้องกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนทดแทนไปตลอดชีวิต

โดยทั่วไปแพทย์จะนิยมให้ฮอร์โมนไทรอยด์สังเคราะห์เข้าไปแทนที่ฮอร์โมนเดิมในร่างกาย เช่น ยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ไทรอกซีน” (Thyroxine) หรือชื่อทางการค้าที่รู้จักกันดี คือ “เอลทรอกซิน” (Eltroxin™) ซึ่งเป็นยาสำหรับรับประทาน วันละ 1-3 เม็ด โดยยาเลโวไทรอกซีนนี้จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อผู้ป่วยกินยานี้เข้าไปได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะเริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ยาเลโวไทรอกซีนยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่เพิ่มขึ้นจากการป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ด้วย ผู้ป่วยจึงควรกินยาเลโวไทรอกซีนไปตลอดชีวิต แต่ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งภายหลังจากให้ยารักษาไปแล้วแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจดูอาการและตรวจระดับฮอร์โมนทีเอสเอชในเลือดเป็นระยะ ๆ เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย

แพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมเพื่อรักษาไฮโปไทรอยด์ โดยจะตรวจดูระดับฮอร์โมนทีเอสเอชหลังจากให้ยาผู้ไปแล้วประมาณ 2-3 เดือน โดยยาเลโวไทรอกซีนนั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากผู้ป่วยได้รับยามากเกินขนาดจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น ตัวสั่น น้ำย่อยในกระเพาะเพิ่มขึ้น เป็นต้น ส่วนผู้ป่วยที่เกิดภาวะขาดไทรอยด์รุนแรงหรือเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจจะได้รับยาในปริมาณน้อยก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มขนาดยาขึ้นในภายหลัง เพราะจะช่วยให้หัวใจสามารถปรับระดับการทำงานให้เข้ากับกระบวนการเผาผลาญของเมตาบอลิซึมที่เพิ่มขึ้นได้ และที่สำคัญก็คือ ผู้ป่วยไม่ควรหยุดกินยาเมื่อรู้สึกดีขึ้น เพราะอาการของโรคจะกลับมากำเริบได้อีกครั้ง

วิธีรักษาไฮโปไทรอยด์
IMAGE SOURCE : www.everydayhealth.com

การดูแลตนเองของผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์

ถ้ามีอาการที่น่าสงสัยว่าเป็นไฮโปไทรอยด์ เช่น อยู่ ๆ มีอาการตัวบวมฉุ เฉื่อยชา คิดช้า ทำอะไรช้าลงกว่าที่เคยเป็น และรู้สึกขี้หนาวกว่าคนอื่น ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรดูแลตนเอง ถ้าพบว่าเป็นโรคนี้จริงก็ควรปฏิบัติดังนี้

การป้องกันไฮโปไทรอยด์

เมื่อดูจากสาเหตุแล้ว การป้องกันภาวะขาดไทรอยด์จึงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการรักษาโรคต่าง ๆ และสาเหตุที่เป็นมาแต่กำหนด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ การสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนคำแนะนำนอกจากนั้น คือ

  1. ไฮโปไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากการขาดสารไอโอดีน สามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารโอโอดีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยการรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนสูง เช่น เกลือไอโอดีน อาหารทะเล ปลาทะเล ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม
  2. ไฮโปไทรอยด์อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้ ดังนั้น ในการใช้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อซื้อยามาใช้เอง เราควรปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนเสมอ รวมทั้งอ่านเอกสารกำกับยาให้เข้าใจ และควรรู้ว่ายาที่ใช้อยู่นั้นอาจมีผลข้างเคียงอะไรได้บ้าง
  3. สำหรับทารกแรกเกิดนั้นสามารถรับการตรวจได้ด้วยวิธีการเจาะเลือดที่ส้นเท้า (Heel prick test) ซึ่งจะเป็นการนำตัวอย่างเลือดของเด็กไปตรวจเพื่อวินิจฉัยว่าเด็กมีความผิดปกติหรือเกิดภาวะใดที่ส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ โดยแพทย์จะทำการตรวจนี้เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 2 วัน หากพบว่าป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ก็จะสามารถรับการรักษาได้ด้วยการให้ฮอร์โมนสังเคราะห์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เด็กก็จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติทั้งทางร่างกายและสมอง (การตรวจนี้แพทย์จะแนะนำให้ตรวจในทารกแรกเกิดทุกคน ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการขาดสารไอโอดีน ซึ่งจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้สูง)
  4. ผู้ป่วยบางรายที่เสี่ยงเป็นไฮโปไทรอยด์สูงแต่ไม่แสดงอาการนั้น สามารถรับการตรวจเพื่อวินิจฉัยว่าอาการของโรคอยู่ในระดับใดเพื่อรับการรักษาต่อไป
  5. ไฮโปไทรอยด์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงวัยกลางคนไปจนถึงวัยสูงอายุ แพทย์จึงแนะนำให้คนกลุ่มนี้ได้รับการตรวจภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์จากการตรวจสุขภาพประจำปี รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่คิดว่าตัวเองน่าจะตั้งครรภ์ด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ภาวะขาดไทรอยด์/ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 814-816.
  2. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 381 คอลัมน์ : สารานุกรมทันโรค.  “โรคขาดไทรอยด์”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [10 มิ.ย. 2017].
  3. หาหมอดอทคอม.  “ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidism)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [12 ก.ค. 2017].
  4. พบแพทย์.  “ไฮโปไทรอยด์”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pobpad.com.  [14 ก.ค. 2017].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 ไฮโปไทรอยด์
  • 2 สาเหตุของไฮโปไทรอยด์
  • 3 อาการของไฮโปไทรอยด์
  • 4 ภาวะแทรกซ้อนของไฮโปไทรอยด์
  • 5 การวินิจฉัยไฮโปไทรอยด์
  • 6 การแยกโรค
  • 7 การรักษาไฮโปไทรอยด์
  • 8 การดูแลตนเองของผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์
  • 9 การป้องกันไฮโปไทรอยด์
  • 10 บทความที่เกี่ยวข้อง
  • 11 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ