ไวรัสซิกา (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

29 มกราคม 2016

ระหว่างสัปดาห์แรกของการติดเชื้อ จะพบเชื้อไวรัสซิกาในเลือด ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปสู่คนอื่นได้หากมียุงมากัด ดังนั้นหากทราบว่าได้รับเชื้อนี้ระหว่างสัปดาห์แรกของการติดเชื้อ ก็ควรป้องกันตนเองไม่ให้โดนยุงกัดด้วย เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อ

อาการติดเชื้อไวรัสซิกาจะคล้ายๆ กับอาการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (ไข้เลือดออก) และเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา โดยทั่วไปจะเป็นอาการป่วยอ่อนๆ และคงอยู่ประมาณ 2-7 วัน ซึ่งได้แก่

• เป็นไข้ต่ำ (ต่ำกว่า 38.5°C)
• ปวดศีรษะ
• มีผื่นนูนแดง (Maculopapular rash)
• ปวดข้อ
• ปวดกล้ามเนื้อ
• เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) หรือตาแดง
• เสียชีวิต (ไม่ค่อยพบ)

การรักษาเป็นการรักษาตามอาการ โดย

• พักผ่อนให้มาก
• ดื่มน้ำให้มากเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
• กินยาลดไข้แก้ปวด เช่น ยา Acetaminophen หรือ ยา Paracetamol และควรหลีกเลี่ยงยา Aspirin หรือยาเอ็นเสด (Non-steroidal anti-inflammatory drugs = NSAIDs) อย่าง ยา Ibuprofen และยา Naproxen เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะตกเลือด (Hemorrhage)

และเนื่องจากไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยาในการรักษาซิกา เราจึงต้องป้องกันตัวเองได้ด้วยการ

• ใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง (Insect repellents)
• ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว
• อยู่ในห้องที่ติดมุ้งลวดกันยุง หรือนอนในมุ้ง
• ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น ภาชนะที่มีน้ำขัง

อนึ่ง ลักษณะเด่นที่แตกต่างกันระหว่างการติดเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อไวรัสชิคุนกุนยา และเชื้อไวรัสซิกา ได้แก่

กรณีติดเชื้อไวรัสเดงกี จะมีอาการเป็นไข้สูงและปวดกล้ามเนื้อรุนแรงกว่า อาจมีอาการแทรกซ้อนด้วยการตกเลือด

กรณีติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา จะมีอาการเป็นไข้สูง ปวดข้อมากกว่า เช่น ที่บริเวณมือ เท้า เข่า และหลัง อาจทำให้พิการเพราะหลังโค้งจนไม่สามารถเดินได้

ส่วนกรณีติดเชื้อไวรัสซิกา ส่วนใหญ่ผิวหนังจะเป็นผื่นและตาแดงเพราะเยื่อบุตาอักเสบ

แหล่งข้อมูล

1. Zika Virus. [2015, January 28].

2. Zika virus infection and Zika fever: Frequently asked questions. [2015, January 28].

3. Zika Virus. [2015, January 28].