ไดโคลฟีแนค (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

1 มีนาคม 2014

โรคหรือสภาวะที่ห้ามใช้ไดโคลฟีแนค ได้แก่

มีรายงานว่า มีผู้ป่วยร้อยละ 2 ที่ต้องใช้หยุดใช้ไดโคลฟีแนค สาเหตุเพราะมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งผู้ที่มีแผลหรือเลือดออกในกระเพาะอาหารควรหยุดใช้ไดโคลฟีแนคทันที

และจากงานวิจัยในเดือนเมษายน พ.ศ.2549 พบว่า ไดโคลฟีแนคมีผลต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.63 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ยา อย่างไรก็ดีผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังก็ยินดีที่จะใช้ยานี้เพื่อลดความเจ็บปวดเมื่อเทียบกับผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่พบว่ายาแก้ปวดแอสไพรินนั้นไม่ได้มีผลต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น แต่กลับมีผลต่อโรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulceration)

ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2556 Medicines and Healthcare Products Regulatory Agency (MHRA) ของสหราชอาณาจักร ได้แนะนำว่าไม่ควรใช้ไดโคลฟีแนคในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย โรคหัวใจ หรือหัวใจขาดเลือดเป็นอย่างยิ่ง รวมถึง David Graham เจ้าหน้าที่แพทย์ขององค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาก็ได้สรุปว่า ไดโคลฟีแนคเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction) ด้วย

นอกจากนี้ไดโคลฟีแนคอาจทำให้เกิดอาการทางจิตได้บ้าง เช่น หดหู่ซึมเศร้า วิตกกังวล หงุดหงิดฉุนเฉียว ฝันร้ายและอาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ ส่วนการใช้ไดโคลฟีแนคเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อตับ ดังนั้นจึงควรตรวจการทำงานของตับอยู่เป็นประจำด้วย

แหล่งข้อมูล:

  1. Diclofenac. http://en.wikipedia.org/wiki/Diclofenac [2014, 2014, March 1].