โรคหัดติดเชื้อง่าย (ตอนที่ 2)

3 มกราคม 2016

การติดเชื้อจะมีระยะเวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็น

1. ระยะติดเชื้อและฟักตัว (Incubation) - เกิดในช่วง 10-14 วันแรกหลังการติดเชื้อ ระยะนี้จะไม่ปรากฏอาการแต่อย่างใด
2. ระยะที่มีอาการไม่ชัดเจน - โดยเริ่มจากการมีไข้อ่อนถึงปานกลาง ร่วมกับการไอตลอด น้ำมูกไหล ตาอักเสบ และเจ็บคอ ถ้าเป็นอาการอย่างอ่อนอาจจะหายใน 2-3 วัน
3. ระยะป่วยและเป็นผื่น - ผื่นจะประกอบด้วยจุดแดงเล็กๆ จุดและก้อนนูนมักรวมตัวกัน ทำให้เห็นเป็นรอยแดง โดยขึ้นที่หน้าก่อน (โดยเฉพาะที่หลังหูและไรผม)

ในวันต่อๆ มา ผื่นจะกระจายไปยังแขนและลำตัว ต้นขา ปลายขา และเท้า ในขณะเดียวกันไข้จะสูงอย่างรวดเร็วประมาณ 40-41 องศาเซลเซียส

4. ระยะแพร่เชื้อ (Communicable period) - ซึ่งรวมประมาณ 8 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ก่อนมีผื่น และหลังมีผื่นอีก 4 วัน

ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคหัด ได้แก่

• ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด
• ขาดวิตามินเอ

สำหรับโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหัด ได้แก่

• โรคติดเชื้อในหู ซึ่งส่วนมากเป็นเชื้อแบคทีเรีย
• หลอดลมอักเสบ (Bronchitis) กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) หรือ อาการไอและหายใจลำบาก (Croup)
• โรคปอดบวม (Pneumonia)
• เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Encephalitis) โดยมีคนเป็นโรคหัดร้อยละ .001 ที่อาจมีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยมีอาการชัก (Convulsions) อาเจียน และอาจเสียชีวิต
• มีปัญหาในการตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด หรือ ทารกน้ำหนักตัวน้อย
• ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
• ตาบอด
• ท้องเสียอย่างรุนแรงและมีภาวะขาดน้ำ

โดยแพทย์สามารถวิเคราะห์โรคได้โดยดูจากผิวหนังที่มีลักษณะเป็นผื่นแบบนูนแดง และจุดขาวเล็กๆ มีขอบสีแดงๆ อยู่ในกระพุ้งแก้ม ที่เรียกว่า Koplik’s spots และอาจยืนยันว่าเป็นโรคหัดจริงได้ด้วยการตรวจเลือด

แหล่งข้อมูล

1. Measles. [2015, January 2].

2. Measles. [2015, January 2].

3. About Measles. [2015, January 2].