on
โรคปากแหว่งเพดานโหว่ จากโบว์ดำเป็นโบว์แดง (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
31 ตุลาคม 2012คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้จัดกิจกรรมเปิดกระปุกออกเงิน “โครงการวันละเหรียญ เพื่อผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่”สำหรับเงินทุกบาททุกสตางค์ ทางคณะฯจะนำไปช่วยเติมเต็มร้อยยิ้มให้แก่ผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่ ของกองทุน “เฉลิมพระเกียรติ 100 ปี สมเด็จย่า” ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่มากกว่า 400 คน โดยแต่ละปีจะมีค่าใช้จ่ายในการ รักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นการรักษาที่ต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่ง เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาประมาณ 2 แสนบาท
โรคปากแหว่งเพดานโหว่นั้นรักษาได้ แต่ก็แตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของโรค เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์โรคเพดานโหว่และทีมแพทย์ผ่ากะโหลกหน้า (Craniofacial team) ตั้งแต่เด็กจนถึงช่วงวัยรุ่น การเฝ้าดูแลอาจเป็นตลอดชีวิต ขั้นตอนการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามทีมแพทย์ผ่ากะโหลกหน้า ตัวอย่างเช่น บางทีมรอจนกระทั่งเด็กอายุ 10 - 12 ปี กว่าจะผ่าตัดแก้ขากรรไกร แต่บางทีมอาจผ่าตัดแก้ไขตั้งแต่ก่อนหน้านั้น
สำหรับโรคปากแหว่งนั้น การผ่าตัดมักจะทำตั้งแต่ 2 - 3 เดือนแรกหลังเกิด จริงๆแล้วการผ่าตัดสามารถทำได้ทันที หลังเกิด แต่บ่อยครั้งที่อายุที่นิยมผ่าตัดคือประมาณช่วงอายุ 10 สัปดาห์ โดยเชื่อกันตาม “หลักเลข 10” ของแพทย์ผ่าตัดสอง คน Wilhelmmesen และ Musgrave (เด็กจะต้องอายุอย่างน้อย 10 สัปดาห์ หนักอย่างน้อย 10 ปอนด์ และมีสารที่ให้สีแดงใน เม็ดเลือดแดงหรือ Hemoglobin อย่างน้อย 10 กรัม)
ถ้ารอยแหว่งนั้นขยายออกเป็นสองด้าน อาจต้องมีการผ่าตัดสองครั้ง โดยทำข้างเดียวก่อน และอีกข้างหลังจากเว้นไป 2 - 3 สัปดาห์ การผ่าตัดที่ใช้กันมากที่สุดคือ วิธี Millard โดย Ralph Millard โรคปากแหว่งแบบไม่สมบูรณ์มักใช้การผ่าตัดแบบเดียวกับโรคปากแหว่งแบบสมบูรณ์ โดยเหตุผลแรกคือ กลุ่มของกล้ามเนื้อที่จำเป็นสำหรับการเม้มหรือยื่นปากนั้น อยู่ในบริเวณของริมฝีปากบน และจำเป็นต้องใช้การ ผ่าตัดแบบเต็มรูปแบบเพื่อทำให้กลุ่มกล้ามเนื้อดังกล่าวกลับมาเหมือนเดิ
ม เหตุผลที่สองคือ เพื่อที่จะทำให้แผลเป็นจางที่สุด ศัลยแพทย์จึงพยายามที่จะเรียงเส้นแผลเป็นไปกับเส้นธรรมชาติของริมฝีปากบน และเก็บปมไหมเย็บแผลให้ลึกไปในจมูก ให้มากที่สุด โรคปากแหว่งแบบไม่สมบูรณ์จะมีเนื้อเยื่อดังกล่าวให้ศัลแพทย์ใช้มากกว่า ซึ่งทำให้สามารถผ่าตัดให้ริมฝีปากบน ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมากกว่า
สำหรับโรคเพดานโหว่อาจใช้การใส่แผ่นปิดเพดานโหว่ (Palatal obturator) เครื่องมือที่ได้รับการออกแบบมาให้พอดี กับรอยโหว่ เพื่อปิดชั่วคราว แต่ก็สามารถใช้วิธีผ่าตัดแก้ไขได้ด้วยเช่นกัน โดยมากมักเป็นช่วงอายุ 6 - 12 เดือน มีเด็กประมาณ 20 - 25% ที่ต้องการการผ่าตัดแก้ไขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้ได้ลิ้นเปิดปิดเสียงจากผนังคอที่ทรงประสิทธิภาพพอ ที่จะ เปล่งเสียงปกติแบบไม่ขึ้นจมูกได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กโตขึ้น การรักษาก็จำเป็นจะต้องใช้การผสมผสานวิธีผ่าตัดหลากหลาย รูปแบบด้วยกัน รวมไปถึงการผ่าตัดซ้ำ หนึ่งในนวัตกรรมการแก้ไขโรคเพดานโหว่ก็คือ เครื่อง Latham ซึ่งจะได้รับการผ่าตัดใส่ เข้าไปโดยใช้เข็มในช่วงที่เด็กอายุได้ 4 - 5 เดือน เมื่อได้รับการผ่าตัดติดตั้งเรียบร้อย แพทย์หรือพ่อแม่เด็กจะขันน็อตทุกวันเพื่อดึงให้รอยโหว่เข้ามาชิดกัน เตรียมรับริมฝีปากที่จะได้รับการผ่าตัดแก้ไขในอนาคต หากรอยโหว่ลามไปถึงสันกระดูกขากรรไกรบน การแก้ไขมักทำโดยการอุดรอยโหว่ด้วยเนื้อเยื่อกระดูก ซึ่งอาจได้มากจากคาง ซี่โครง หรือสะโพกของผู้ป่วยเอง
แหล่งข้อมูล:
- ทันตะ ม.อ. น้อมรำลึกสมเด็จย่า จัดงานวันทันตสาธารณสุข-ช่วยผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ - [2012, October 30].
- Cleft lip and palate. [2012, October 30].