โพรไบโอติก จุลินทรีย์มหัศจรรย์ (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

25 สิงหาคม 2016
โพรไบโอติกจุลินทรีย์มหัศจรรย์

และยังมีผลงานวิจัยบางฉบับที่พบว่าโพรไบโอติกสามารถช่วยแก้ปัญหาในส่วนอื่นของร่างกายด้วย ตัวอย่างเช่น

อย่างไรก็ดี นักวิจัยก็ยังคงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมกันต่อไปว่า โพรไบโอติกใดที่มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ และเราต้องการโพรไบโอติกเท่าไรจึงจะเกิดประโยชน์

นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัยและผลข้างเคียงของโพรไบโอติกด้วยว่า ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนด้วย กล่าวคือ

และเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการศึกษาวิจัยจากโพรไบโอติกที่เป็น Lactobacillus และ Bifidobacterium เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถกล่าวได้ว่าโพรไบโอติกทุกตัวจะให้ผลได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้จัดให้โพรไบโอติกเป็นอาหาร ไม่ใช่ยา เพราะมีความปลอดภัยในคนส่วนใหญ่ แม้จะมีบางคนที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการปวดท้อง ท้องเสีย มีแก็ส

อย่างไรก็ดี FDA ก็ยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการว่า โพรไบโอติกสามารถใช้ในการป้องกันหรือรักษาปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น การโฆษณาทางการตลาดในการใช้โพรไบโอติกก็อาจจะมีมากเกินกว่าผลงานวิจัยที่รองรับ

อนึ่ง เราสามารถพบโพรไบโอติกได้จากอาหารหมัก (Fermented product) อย่าง

  • นมเปรี้ยวคีเฟอร์ (Kefir) – เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ประกอบด้วยแบคทีเรียและยีสต์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • กิมจิ – ซึ่งมีแบคทีเรียหลายตัวที่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง โรคอ้วน ท้องผูก ลำไส้มีปัญหา ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ช่วยบำรุงสมอง ระบบภูมิต้านต้าน และสุขภาพผิว
  • โยเกิร์ต - ช่วยลดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ และอาการแพ้ ทั้งยังช่วยในเรื่องฟันและกระดูก
  • นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ อีก เช่น มิโซะ (Miso) เทมเป้ (Tempeh) หรือถั่วหมัก ซาวเคราท์ (Sauerkraut) หรือกะหล่ำปลีหมัก ขนมปังแป้งเปรี้ยว ( (Sourdough bread) แตงกวาดอง เป็นต้น
  • แหล่งข้อมูล

    1. What Are Probiotics?. [2016, August 24].

    2. Probiotics: In Depth. [2016, August 24].

    3. Probiotics. [2016, August 24].