แฟชั่นนัก มักเท้าเก (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

1 สิงหาคม 2016

สำหรับการผ่าตัดมีหลายวิธี แต่ไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ได้ทุกปัญหา เช่น

• การตัดต่อกระดูก (Osteotomy) เป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุด แม้ว่าจะมีกระบวนการที่หลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการตัดกระดูกที่เท้าออกไป และจัดกระดูกที่นิ้วหัวแม่เท้าใหม่ นอกจากอาจมีการจัดเนื้อเยื่ออ่อนส่วนปลายเท้า เพื่อแก้ไขเท้าผิดรูปและเพิ่มความเสถียร (Stability) ของเท้า
• การผ่าตัดเชื่อมกระดูกข้อเท้า (Arthrodesis) มักแนะนำในผู้ที่มีนิ้วหัวแม่เท้าผิดรูปอย่างรุนแรง โดยหลังการผ่าตัดการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่เท้าจะทำได้น้อยลงและไม่สามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้
• การผ่าตัดที่เรียกว่า Excision (Keller's) arthroplasty ซึ่งเป็นการตัดก้อนและข้อต่อที่เท้าออก ใช้ในกรณีที่รุนแรงในผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ร้อยละ 85 จะมีอาการดีขึ้นหลังการผ่าตัด ในขณะที่น้อยกว่าร้อยละ 10 จะอาจเกิดอาการดังต่อไปนี้หลังการผ่าตัด

• ติดเชื้อ
• หลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน (Deep vein thrombosis = DVT) หรืออีกชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยก็คือ "กลุ่มอาการเครื่องบินชั้นประหยัด" (Economy Class Syndrome)
• ข้อเท้าติด
• ปวดที่เนินปลายเท้า (Ball of your foot)
• ประสาทที่เท้าถูกทำลาย
• ยังคงบวมและปวดอีก
• ต้องผ่าตัดใหม่

หลังการผ่าตัดอาจจะเดินได้ หรืออาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเพื่อการฟื้นตัว และเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก ควรหารองเท้าที่ใส่สบาย

วิธีที่จะคลายจากภาวะของนิ้วหัวแม่เท้าเอียงผิดรูป ทำได้โดย

• ใส่แผ่นรองตรงกระดูกที่โปน
• ใช้น้ำแข็งประคบ 2-3 ครั้งต่อวัน เพื่อลดอาการปวดบวม
• ใส่รองเท้าหน้ากว้าง
• หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่สูงเกิน 2 ¼ นิ้ว (5.7 เซนติเมตร)

ส่วนการป้องกันภาวะของนิ้วหัวแม่เท้าเอียงผิดรูป ทำได้โดย

• อย่าใส่รองเท้าที่แคบ
• ใส่รองเท้าที่กว้าง มีเนื้อที่ปลายเท้าเหลือเล็กน้อย
• รองเท้าที่ใส่ไม่ควรทำให้เท้าถูกกดหรือบีบรูปเท้า
• หลีกเลี่ยงรองเท้าหัวแหลม

แหล่งข้อมูล

1. Bunions. [2016, July 31].

2. Bunion. [2016, July 31].