on
เมื่อตับถูกกิน (ตอนที่ 5)
24 พฤษภาคม 2016
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ (ต่อ)
- โรคตับแข็งบิลิอารีชนิดปฐมภูมิ (Primary biliary cirrhosis = PBC) - ที่เกิดจากโรคโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ทำให้ท่อน้ำดีในตับถูกทำลาย กลายเป็นโรคตับแข็งและมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคมะเร็งตับ
- โรคพันธุกรรมเมตาบอลิก (Inherited metabolic diseases) – อย่างโรค Hemochromatosis ที่ทำให้มีการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารมากและแทรกตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกายรวมถึงตับ ทำให้กลายเป็นโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับได้
- การดื่มสุราที่มากเกินเป็นระยะเวลานานหลายปี
- โรคอ้วน (Obesity) – ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคมะเร็งตับ ที่เกิดจากไขมันพอกตับและโรคตับแข็ง
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 diabetes) – ก็มีส่วนในการเป็นโรคมะเร็งตับ เพราะส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มักจะอ้วน น้ำหนักเกิน และมีปัญหาเรื่องตับ
- การเป็นโรคอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคมะเร็งตับ เช่น
- Tyrosinemia
- Alpha1-antitrypsin deficiency
- Porphyria cutanea tarda
- Glycogen storage diseases
- Wilson disease
- อะฟลาทอกซิน (Aflatoxins) – การได้รับสารพิษที่เกิดจากเชื้อราปนเปื้อนในถั่วลิสง ข้าวสาลี ถั่วเขียว ข้าวโพด และข้าว เพราะเก็บในที่ชื้น อุ่น ซึ่งการได้รับสารพิษเหล่านี้เป็นระยะเวลานานจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งตับ โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไวรัสตับอักเสบซี
- การสัมผัสกับสารไวนิลคลอไรด์และสารทอเรียมไดออกไซด์ (Vinyl chloride and thorium dioxide) - ซึ่งจะทำให้เป็นมะเร็งของเซลล์ผนังหลอดเลือดแดง (Angiosarcoma) นอกจากนี้ยังทำให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma) และ มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular cancer)
- อนาโบลิคสเตียรอยด์ (Anabolic steroids) – ยานี้เป็นอนุพันธ์ของฮอร์โมนเพศชายที่ใช้ในนักกีฬาเพื่อสร้างความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ การใช้เป็นระยะเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับ
- สารหนู (Arsenic) – ที่ได้รับจากการดื่มน้ำที่มีสารปนเปื้อนเป็นเวลานานก็เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับ
- การติดเชื้อปรสิต (Parasite) - ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ในเลือด (Schistosomiasis) สามารถทำลายตับและทำให้เป็นมะเร็งตับได้
- การสูบบุหรี่ – สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับมากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบ
แหล่งข้อมูล
- Liver Cancer [2016, May 23].