เมาค้าง แก้อย่างไร

เมาค้างคือกลุ่มอาการไม่พึงประสงค์จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดยอาการเมาค้างจะเกิดขึ้นเมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงซึ่งตรงกับช่วงเช้าอีกวันหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในคืนก่อน ทั้งนี้ ชนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปริมาณที่ดื่มเข้าไปก็ส่งผลให้เกิดอาการเมาค้างที่แตกต่างกัน หากร่างกายได้รับปริมาณแอลกอฮอล์มาก ก็จะทำให้เกิดอาการเมาค้างมากขึ้นตามไปด้วย

เมาค้าง

ผู้ที่เกิดอาการเมาค้างจะปรากฏอาการ ดังนี้

ทั้งนี้ หากเกิดอาการเมาค้างที่รุนแรงมาก อาจเป็นสัญญาณของภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ซึ่งถือว่าอันตรายต่อชีวิต ต้องนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาการเมาค้างที่รุนแรงนั้นมักปรากฏอาการ ดังนี้

เมาค้างเกิดขึ้นได้อย่างไร

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการเมาค้างคือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง และเกิดอาการอักเสบในร่างกาย บางคนสามารถเกิดอาการเมาค้างได้แม้ดื่มไม่มาก ส่วนบางคนอาจต้องดื่มในปริมาณมากถึงจะเกิดอาการ โดยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับเข้าไปนั้นส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย และทำให้เกิดอาการเมาค้างต่าง ๆ ดังนี้

นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีสีเข้มอย่างเครื่องดื่มจำพวกบรั่นดีหรือวิสกี้ มักผสมคอนจีเนอร์ (Congeners) ซึ่งช่วยให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีรสชาติดี คอนจีเนอร์สามารถทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการเมาค้างได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อาการเมาค้างรุนแรงขึ้น

ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางรายอาจเกิดอาการเมาค้างอย่างรุนแรงมากกว่าผู้ดื่มรายอื่น โดยยีนของแต่ละคนส่งผลต่อการดูดซึมแอลกอฮอล์ที่รับเข้าไป ผู้ดื่มบางรายเกิดอาการตัวชื้น เหงื่อออก และป่วยเป็นไข้ได้แม้จะดื่มไปในปริมาณน้อย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเมาค้างอย่างรุนแรงในกรณีที่ผู้ดื่มมีพฤติกรรมการดื่ม ดังนี้

ดื่มอย่างไรไม่ให้เกิดอาการเมาค้าง

การดื่มถือเป็นวัฒนธรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์  โดยผู้คนมักดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสังสรรค์หรือเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญต่าง ๆ แต่หากดื่มมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการเมาค้างในเช้าวันต่อมา ซึ่งผู้ดื่มสามารถป้องกันอาการเมาค้างและฟื้นฟูร่างกายจากอาการเมาค้างให้ดีขึ้นได้ ดังนี้