on
“เพร็พ” และ “เป็ป” ก็ต้านเอดส์เหมือนกัน (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
4 สิงหาคม 2016
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการกินยา PrEP แล้วก็ตาม ก็ยังคงต้องใช้ถุงยางอนามัยระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะ PrEP ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น กามโรค (Syphilis) โรคหนองใน (Gonorrhea) และเชื้อแคลมีเดีย (Chlamydia) ได้
โดยผู้ที่กินยา PrEP จะสามารถหยุดยาได้เมื่อ
- มีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อยลง
- ไม่ต้องการกินยาทุกวันหรือลืมกินยาอยู่เสมอ เพราะความไม่ต่อเนื่องของการกินยา จะทำให้ PrEP ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรใช้การป้องกันด้วยวิธีอื่นจะดีกว่า
- ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
PrEP เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้ออยู่เสมอๆ ส่วนผู้ที่พบความเสี่ยงเพียงครั้งเดียวในการติดเชื้อ ควรใช้ “เป็ป” ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ
“เป็ป” (Post-exposure prophylaxis = PEP) เป็นยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretroviral medicines = ART) ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อภายหลังจากที่มีการสัมผัสเชื้อแล้ว หากใช้ทันทีจะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 80
ควรใช้ PEP ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพราะใน PEP จะมีตัวยาและขนาดยา (Doses) ที่สูงกว่าที่มีใน PrEP และต้องกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังการสัมผัสกับเชื้อเฮชไอวี เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่า การกิน PEP หลัง 72 ชั่วโมง จะให้ผลได้น้อยหรือไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้เลย
ทั้งนี้ การกิน PEP ยิ่งเร็วยิ่งให้ผลดี (Every hour counts) และต้องกินวันละ 1-2 ครั้ง เป็นเวลา 28 วันติดต่อกันจึงจะได้ผลดี
หากท่านเป็นผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อหรือไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันทีหากภายใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ดังต่อไป
- อาจได้รับเชื้อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางอนามัยแตกหรือรั่ว
- มีการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น
- ถูกทำร้ายข่มขืน
แม้ PEP จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงควรหาวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้ออีกและเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นหากปรากฏว่ามีการติดเชื้อระหว่างการรักษาด้วย PEP
สำหรับผลข้างเคียงที่เกิดจากการกิน PEP จะมีลักษณะเหมือน PrEP
แหล่งข้อมูล
1. PrEP. [2016, Aug 3].
2. PRE-EXPOSURE PROPHYLAXIS (PrEP). [2016, Aug 3].
3. PEP.
4. Post-exposure prophylaxis to prevent HIV infection. [2016, Aug 3].