เพชรฆาตลูคีเมีย (ตอนที่ 4 และตอนจบ)

26 กุมภาพันธ์ 2016
เพชรฆาตลูคีเมีย

สำหรับการรักษาลูคีเมียนั้นมีวัตถุประสงค์หลักในการทำลายเซลล์ลูคีเมียและทำให้ไขกระดูกสามารถสร้างเซลล์ปกติได้ การรักษาลูคีเมียขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม ชนิดของลูคีเมียที่เป็น การแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยการรักษาทั่วไป ได้แก่

อาการแทรกซ้อนที่เกิดจากลูคีเมียมีความสัมพันธ์กับชนิดของลูคีเมียที่เป็น รวมถึงการที่โรคกำเริบอีกหลังการรักษา (Relapse) เช่น ร้อยละ 3-5 ของกรณี CLL ตัวเซลล์จะเปลี่ยนลักษณะไปเป็นชนิดรุนแรง (Aggressive lymphoma) หรือที่เรียกว่า Richter transformation

นอกจากนี้ยังอาจเป็นโรคโลหิตจางที่เกิดจากร่างกายสร้างภูมิต้านทานหรือแอนตีบอดี (Antibody) ต่อเม็ดเลือดแดงของตนเอง หรือที่เรียกว่า Autoimmune hemolytic anemic (AIHA) โดยคนที่เป็น CLL มักจะมีพัฒนาการไปเป็นมะเร็งชนิดอื่น (Second cancers) หรือเลือดผิดปกติด้วย

Tumor lysis syndrome ก็เป็นกลุ่มอาการหนึ่งที่เกิดจากการแตกทำลายของเซลล์มะเร็งเมื่อทำการรักษา อาจเกิดได้ในมะเร็งทุกชนิด แต่พบมากในกรณีของ AML หรือ ALL โดยเมื่อเซลล์มะเร็งถูกทำลายจะมีการปล่อยฟอสเฟตออกมาในปริมาณที่มาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติของเมตาโบลิซึม (Metabolic abnormalities) และสามารถทำให้เกิดภาวะไตวายได้

สำหรับเด็กที่เป็น ALL ก็อาจมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system = CNS) ทำให้เด็กโตช้า เป็นหมัน (Infertility) เป็นต้อกระจก (Cataracts) และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งอย่างอื่น

อนึ่ง ด้วยการรักษาสมัยใหม่ ทำให้สถิตของอัตราการอยู่รอดหลัง 5 ปีของลูคีเมียแต่ละชนิด (นับจาก พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2553) เป็นดังนี้

แหล่งข้อมูล

1. Leukemia - Topic Overview. [2016, February 25].

2. Leukemia - Topic Overview. [2016, February 25].

3. Leukemia[2016, February 25].