“เบเซ็ท” โรคหายาก (ตอนที่ 3)

1 มกราคม 2018

หลักการที่มักใช้เพื่อช่วยในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบเซ็ทหรือไม่ ก็คือ การมีแผลในปาก (Mouth ulcers) อย่างน้อย 3 ครั้ง ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา และมีอาการดังต่อไปนี้อีกอย่างน้อย 2 อย่าง

• เป็นแผลที่อวัยวะเพศ (Genital ulcers)
• ตาอักเสบ
• ผิวเป็นแผล (Skin lesions) หรือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่ผิวหนัง
• ผิวแพ้ง่ายมาก (Pathergy / Hypersensitive skin)

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคเบเซ็ทโดยตรง แพทย์จะรักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น

กรณีที่มีอาการอ่อน

• ใช้ครีม เจล หรือขี้ผึ้ง ที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ทาผิวบริเวณที่ปวดอักเสบเพื่อลดอาการ
• น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์และสารอื่นที่ช่วยลดอาการปวดของปาก
• ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาต้านอักเสบที่สามารถลดอาการปวดและแดงในตากรณีที่มีการอักเสบ

หากไม่หาย แพทย์อาจจ่ายยา Colchicine เพื่อบรรเทาอาการปวดและการอักเสบ

กรณีที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง แพทย์อาจให้

• คอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อควบคุมอาการอักเสบ เช่น ยา Prednisone ร่วมกับยากดภูมิ (Immunosuppressives) อื่นๆ ซึ่งหากใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์นานจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ

• อยากอาหาร น้ำหนักขึ้น
• อารมณ์แปรปรวน
• เพิ่มความดันในลูกตา เป็นต้อหิน (Glaucoma)
• ความดันโลหิตสูง
• กระดูกพรุน (Osteoporosis)
• ต้อกระจก (Cataracts)
• เบาหวาน
• กรดไหลย้อน

อนึ่ง เนื่องจากยากดภูมิสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดการแท้งได้ ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์

แหล่งข้อมูล:

1. Behçet's disease. [2017, December 31].
2. Behcet's disease. [2017, December 31].
3. Behcet’s Disease. [2017, December 31].