เจ็บคอ (Sore throat) อาการ สาเหตุ และวิธีแก้เจ็บคอ 20 วิธี

เจ็บคอ

เจ็บคอ (Sore throat) เป็นอาการเจ็บหรือรู้สึกระคายเคืองในลำคอ เนื่องจากมีการอักเสบของเนื้อเยื่อลำคอ เช่น ผนังช่องคอ ต่อมทอนซิล เพดานอ่อน โคนลิ้น กล่องเสียง เป็นต้น โดยอาการมักจะเป็นมากขึ้นเวลากลืน ส่วนใหญ่อาการเจ็บคอมักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ แต่บ่อยครั้งก็อาจเกิดจากการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

อาการเจ็บคอเป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก เกือบทุกคนต้องเคยมีอาการนี้อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้บ่อยในเด็ก วัยรุ่น และคนวัยหนุ่มสาว ส่วนในเพศชายและเพศหญิงมีอัตราการเกิดใกล้เคียงกัน และพบเกิดได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบได้สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว

โดยทั่วไปอาการเจ็บคอจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการพักใช้เสียง ดื่มน้ำให้มาก ๆ รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการเจ็บมากจนส่งผลทำให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้น้อย และอาการไม่ดีขึ้นหลังการดูแลตนเองภายใน 1-3 วัน ก็ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเสมอ

สาเหตุของอาการเจ็บคอ

สาเหตุของอาการเจ็บคอ อาจแบ่งได้เป็น

  1. สาเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอที่พบได้บ่อยที่สุดคิดเป็นประมาณ 80-90% ของอาการเจ็บคอทั้งหมด โดยมักเป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตอนบน (จมูก ช่องปาก และช่องคอ) ซึ่งเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
    • จากเชื้อไวรัส เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบได้ เช่น จากโรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคคออักเสบ โรคกล่องเสียงอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคหัด และโรคอีสุกอีใส (ในเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาวจะพบอาการเจ็บคอจากเชื้อไวรัสได้ประมาณ 60-70% ส่วนในผู้ใหญ่จะพบได้ประมาณ 80-85%)
    • จากเชื้อแบคทีเรีย เช่น จากโรคไซนัสอักเสบ โรคต่อมทอนซิลอักเสบ โรคฝีรอบต่อมทอนซิล โรคฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ โรคคออักเสบจากการติดเชื้อ โรคไอกรน โรคคอตีบ และโรคฉี่หนู (ในเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาวจะพบอาการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรียได้ประมาณ 25-50% ส่วนในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุจะพบได้ประมาณ 5-15%)
    • จากเชื้อรา เป็นสาเหตุที่พบได้น้อย โดยมักพบในคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นต้น
  2. สาเหตุที่เกิดจากการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยคิดเป็นประมาณ 5-10% เช่น
    • จากการดื่มน้ำน้อย
    • จากการใช้เสียงมากเกินควร โดยเฉพาะเมื่อเป็นการตะโกน
    • จากการมีสิ่งแปลกปลอมค้างอยู่ในลำคอ เช่น ก้างปลา
    • จากช่องคอได้รับการบาดเจ็บโดยตรง เช่น อุบัติเหตุ
    • จากการสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ฝุ่นละอองหรือควันต่าง ๆ, ควันบุหรี่ (ทั้งจากการสูบโดยตรงหรือการสูบบุรี่มือสอง), สารเคมี, เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์, การคาท่อช่วยหายใจ, การคาท่อให้อาหารจากจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร รวมไปถึงการฉายแสงหรือการได้รับยาเคมีบำบัดแล้วทำให้เยื่อบุลำคออักเสบ
    • จากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิด เช่น ยาอะทีโนลอล (Atenolol)
    • จากการระคายเคืองจากกรดในกระเพาะอาหารในโรคกรดไหลย้อน (กรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง)
    • จากการไอเรื้อรัง สายเสียงอักเสบเรื้อรัง
    • จากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้และโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้
    • จากโรคของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงบริเวณคอเกิดการอักเสบ
    • จากโรคเนื้องอกของคอหอยและกล่องเสียง

อาการเจ็บคอ

อาการและอาการแสดงของอาการเจ็บคออาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น ได้แก่

นอกจากนี้ อาการเจ็บคออาจเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ ได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น ถ้าผู้ป่วยมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยอาจมีอาการมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดร้าวไปที่หู เสียงแหบ มีน้ำมูกใส ๆ คัดจมูก ไอ จาม มีเสมหะ มีกลิ่นปาก เยื่อบุตาแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นต้น

อาการเจ็บคอ
IMAGE SOURCE : www.menshealth.com

อาการเจ็บคออาจแบ่งตามระยะเวลาที่มีอาการเจ็บคอได้ดังนี้

การวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเจ็บคอ

แพทย์สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเจ็บคอได้จากลักษณะทางคลินิก เช่น ประวัติอาการของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจดูในลำคอ การตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองลำคอ และอาจร่วมกับการตรวจทางหูคอจมูก แต่ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจย้อมเชื้อและ/หรือเพาะเชื้อจากสารคัดหลั่ง เสมหะ หรือจากลำคอ, การตรวจเลือดซีบีซี (CBC), การตรวจปัสสาวะ, การตรวจเลือดเพื่อดูสารก่อภูมิต้านทานโรคติดเชื้อต่าง ๆ, การเอกซเรย์ภาพปอดในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไอมากร่วมกับมีเสมหะมาก เป็นต้น

ทำไงให้หายเจ็บคอ
IMAGE SOURCE : www.hilarymartinhiman.com

ภาวะแทรกซ้อนของอาการเจ็บคอ

อาจทำให้เกิดภาวะขาดอาหารและภาวะขาดน้ำจากการที่ผู้ป่วยไม่ยอมกลืน (เพราะกลืนแล้วจะเจ็บคอมาก) โดยเฉพาะในเด็กเล็กและในผู้สูงอายุ

วิธีรักษาอาการเจ็บคอ

การดูแลตนเองในเบื้องต้น เมื่อมีอาการเจ็บคอผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและเหมาะสมตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  1. ควรหยุดงานหรือหยุดเรียนจนกว่าไข้จะลดลงแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  2. งดการใช้เสียงชั่วคราว
  3. ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่มีรสจืด เช่น โจ๊กหรือข้าวต้มที่ไม่ร้อนจนเกินไป โดยรับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่ให้บ่อยขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดหรือรสจัด รวมไปถึงอาหารที่ปรุงด้วยการผัดหรือการทอด
  5. พยายามทำความสะอาดคอบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังการรับประทานอาหาร ด้วยการแปรงฟันหรือกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 แก้ว) น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเปล่าทุก 1-2 ชั่วโมงหลังอาหารทุกมื้อ เนื่องจากการไม่รักษาความสะอาดในช่องปากให้ดี อาจทำให้มีเศษอาหารตกค้างอยู่ในช่องปากและลำคอ ทำให้เกิดอาการเจ็บคอมากขึ้นได้
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ (ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำพออุ่น) อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดการดื่มน้ำ เพื่อช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุลำคอที่กำลังอักเสบ และยังช่วยลดอาการเจ็บคอและระคายคอได้ด้วย
  7. รับประทานยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้หรือเจ็บคอมาก
  8. วิธีแก้เจ็บคออื่น ๆ เช่น การกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ, การดื่มชาคาโมไมล์, การดื่มน้ำผึ้งสูตรต่าง ๆ (เช่น สูตรน้ำร้อนผสมน้ำผึ้ง, น้ำมะนาว, อบเชย 1 ช้อนโต๊ะ และแอปเปิ้ลไซเดอร์อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ), การดื่มน้ำขิง, การดื่มชาชะเอมเทศผสมอบเชย, การรับประทานซุปไก่ (ทำจากไก่สด ๆ), การรับประทานซุปกระเทียม, การอมยาอมผสมมิ้นต์, การใช้ยาน้ำแก้ไอหรือยาอมแก้ไอ (ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาเสมอ) เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด หรือมีฝุ่นละอองหรือควันต่าง ๆ หรือสถานที่ที่มีคนรอบข้างป่วยหรือไม่สบาย
  10. การเปิดเครื่องทำความชื้น ถ้าอากาศในบ้านแห้งจนเกินไปก็อาจทำให้อาการเจ็บคอแย่ลงได้ ซึ่งการเปิดเครื่องทำความชื้นจะช่วยรักษาสภาพของเนื้อเยื่ออ่อนต่าง ๆ ในลำคอได้
  11. พยายามอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน ของฉุน และสิ่งระคายเคืองอื่น ๆ เพื่อลดอาการระคายคอ
  12. ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น การตากฝน หรือการสัมผัสอากาศที่เย็นมาก ๆ เช่น การนอนเปิดแอร์เย็นมาก ๆ หรือเปิดพัดลมเป่าจ่อ
  13. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  14. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม รวมถึงชาและกาแฟ
  15. ระวังการแพร่เชื้อติดต่อไปยังบุคคลข้างเคียง ด้วยการใช้กระดาษชำระปิดปากปิดจมูกเวลาไอหรือจามทุกครั้ง และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนการรับประทานอาหาร หรือหลังการไอหรือจาม
  16. ถ้าไปพบแพทย์มาแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ และรับประทานยาต่าง ๆ ที่สั่งให้ครบถ้วน โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยต้องรับประทานให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าหลังจากรับประทานยาไปแล้ว 2-3 วันอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะหากไม่รับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบ นอกจากจะทำให้โรคกำเริบได้บ่อยแล้วยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ด้วย
    วิธีแก้เจ็บคอ
    IMAGE SOURCE : www.rd.com

ไปพบแพทย์เมื่อไหร่ ? เมื่อมีอาการเจ็บคอมากจนมีผลต่อการกิน ดื่ม และ/หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยที่อาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วันหลังจากดูแลตนเองในเบื้องต้นตามวิธีดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป แต่ถ้ามีอาการเลวลงหลังจากดูแลตนเองในเบื้องต้นควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่ต้องรอจนถึง 2-3 วัน

โดยทั่วไปอาการเจ็บคอมักจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และมักสามารถรักษาที่สาเหตุและอาการให้หายได้เสมอ ส่วนความรุนแรงของการเจ็บคอนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ สาเหตุการเกิด (เพราะโรคต่าง ๆ มีความรุนแรงไม่เท่ากัน เช่น โรคไข้หวัดใหญ่จะรุนแรงมากกว่าโรคไข้หวัดธรรมดา), อายุ (ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีอาการรุนแรงมากกว่าเพราะมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป), สุขภาพร่างกาย (ในผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงจะมีอาการรุนแรงมากกว่า) และโรคประจำตัวต่าง ๆ (เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่จะมีอาการรุนแรงกว่า)

วิธีป้องกันอาการเจ็บคอ

การป้องกันอาการเจ็บคอที่สำคัญคือการป้องกันสาเหตุ ซึ่งประมาณ 80-90% เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยการ

  1. ไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
  2. รู้จักใช้หน้ากากอนามัย
  3. รักษาสุขอนามัยพื้นฐานให้ดี
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบถ้วนทุกวัน
  5. ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อต่าง ๆ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยฉีดตั้งแต่วัยเด็ก เช่น วัคซีนโรคไอกรน โรคหัด โรคคอตีบ เป็นต้น ส่วนในผู้ใหญ่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.  “เจ็บคอ…จะแย่แล้ว”.  (รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.si.mahidol.ac.th.  [11 ม.ค. 2017].
  2. หาหมอดอทคอม.  “เจ็บคอ (Sore throat)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [11 ม.ค. 2017].
  3. หน่วยคลังข้อมูลยา, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “เป็นหวัดเจ็บคอ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th.  [12 พ.ย. 2016]
  4. wikiHow.  “วิธีการแก้เจ็บคอ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : th.wikihow.com.  [12 ม.ค. 2017].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 เจ็บคอ
  • 2 สาเหตุของอาการเจ็บคอ
  • 3 อาการเจ็บคอ
  • 4 การวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเจ็บคอ
  • 5 ภาวะแทรกซ้อนของอาการเจ็บคอ
  • 6 วิธีรักษาอาการเจ็บคอ
  • 7 วิธีป้องกันอาการเจ็บคอ
  • 8 เรื่องที่เกี่ยวข้อง
  • 9 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ