เคล็ดไม่ลับ รับมือความเครียด

เครียด คือภาวะทางร่างกายและจิตใจที่แสดงอาการต่าง ๆ ตอบสนองต่อสถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลง ความต้องการ หรือความคับข้องใจที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน จนทำให้เกิดความไม่สบายใจ และหากเกิดความเครียดมาก ๆ ก็อาจนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพได้ ดังนัั้น ทุกคนควรมีวิธีจัดการและรับมือกับความเครียด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขสมดุลในชีวิต

เครียด

ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้เสมอกับคนทุกเพศทุกวัยเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ดีและในแง่ลบ เป็นเหตุการณ์ที่อาจพบเจอในชีวิต ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน โดยที่ความเครียดอาจเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น ๆ หรือในระยะยาว เช่น การดูหนังที่น่ากลัวหรือตื่นเต้นระทึกขวัญ การแข่งขัน การชนะรางวัล การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด การเริ่มงานใหม่ การแต่งงาน ความผิดหวังเสียใจ การหย่าร้าง การเจ็บป่วยด้วยโรคและอาการต่าง ๆ หรือการประสบอุบัติเหตุ เป็นต้น

หากผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นไปแล้ว ความเครียดก็จะหายไป แต่หากขาดการจัดการที่ดี ความเครียดจะส่งผลเสียอย่างเรื้อรังทั้งทางร่างกายและจิตใจ และกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้อีกเมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ ความเครียดจึงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ หากรู้จักวิธีการบริหารให้ความเครียดอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายความเครียดไม่ให้พัฒนาไปสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น

สัญญาณของความเครียด

เมื่อความเครียดก่อตัวขึ้น สามารถสังเกตอาการที่ปรากฏเป็นสัญญาณหรืออาจบ่งชี้ถึงระดับของความเครียดได้ตามความรุนแรงของอาการ ได้แก่

อาการทางจิตใจ

อาการทางร่างกาย

อาการด้านการรู้คิด

อาการด้านพฤติกรรม

เครียดแล้วมีผลต่อร่างกายอย่างไร ?

เมื่อคนเราเผชิญกับสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการ ความคิด หรือพฤติกรรมที่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดนั้น ในบางกรณี ความเครียดที่เกิดขึ้นก็เป็นผลดีต่อร่างกาย เช่น หากอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงหรือน่าตื่นเต้น ชีพจรจะเต้นแรง หายใจเร็ว กล้ามเนื้อตึง สมองใช้ออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกลไกในการปรับสมดุลเพื่อการอยู่รอด โดยกระบวนการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

แต่หากเป็นความเครียดเรื้อรังที่เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างยาวนาน แม้เป็นกระบวนการหลั่งสารเคมีตัวเดียวกัน แต่จะส่งผลต่อการเกิดปฏิกิริยาที่เกินกว่าเพียงเพื่อปรับสมดุลเพื่อการอยู่รอดในชั่วขณะนั้น อย่างระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้น้อยลง ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย หรือระบบสืบพันธุ์ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และยิ่งเกิดความเครียดเป็นระยะเวลานานเท่าใด ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ประเภทของความเครียดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพร่างกายและจิตใจ ได้แก่

ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดแต่ละประเภทในรูปแบบอาการที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการส่วนใหญ่ในระบบย่อยอาหาร ในขณะที่บางคนอาจปวดหัว มีปัญหาการนอนหลับ ขี้หงุดหงิด หรือมีอารมณ์ซึมเศร้า โดยผู้เผชิญความเครียดอย่างเรื้อรังเหล่านี้ จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการป่วยด้วยการติดเชื้อไวรัส อย่างเป็นไข้หวัดหรือมีอาการหวัดบ่อยและรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจมีผลทำให้วัคซีนไข้หวัดมีประสิทธิผลทางการรักษาที่ลดต่ำลงไปด้วย

ความเครียดจากกิจวัตรประจำวัน เป็นประเภทของความเครียดที่สังเกตสัญญาณของอาการได้ยากที่สุด และจะสามารถเกิดขึ้นและส่งผลกระทบในระยะยาวได้มากกว่าความเครียดแบบกะทันหันหรือความเครียดจากเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ โดยความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ ดังนี้

เคล็ดไม่ลับ รับมือความเครียด

ความเครียดสามารถเป็นเหตุทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้หากถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นจึงควรเรียนรู้วิธีรับมือจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้บรรเทาลง และผ่านพ้นช่วงเวลาที่ตึงเครียดไปได้ด้วยดี

วิธีการรับมือกับความเครียดที่ควรเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ ได้แก่

ส่วนอาการด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม สามารถฝึกปรับอารมณ์ ความคิด หรือพฤติกรรมให้เหมาะสมได้ด้วยตนเอง หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาตามขั้นตอน ทั้งการเข้ารับการบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) โดยวิธีการนี้สามารถใช้บำบัดโรคความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน อย่างอะนอเร็กเซียและบูลิเมีย และยังสามารถบำบัดผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน อย่างอาการนอนไม่หลับได้ด้วย  

การรับยารักษาที่ต้องใช้ภายใต้คำสั่งของแพทย์เท่านั้น เช่น ภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล แพทย์อาจจ่ายยาต้านเศร้า (Antidepressant) ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อสารเคมีในสมอง อย่างเซโรโทนินและนอร์อะดรีนาลีน ช่วยปรับอารมณ์ความรู้สึกแก้ปัญหาความหดหู่ซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่เกิดจากความเครียด หรือยารักษาภาวะวิตกกังวล (Antianxiety) ที่ใช้ลดความวิตกกังวลจนทำให้เกิดความเครียด

ความเครียดเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิต แม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดเหมือนอาการป่วย แต่การรู้จักจัดการบริหารความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน จะทำให้สามารถเรียนรู้ทักษะที่จะอยู่และรับมือกับความเครียดได้ในโอกาสต่อ ๆ ไป เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขในการดำเนินชีวิต