เครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ (ตอนที่ 6 และตอนจบ)

6 กรกฎาคม 2015

ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจใช้อุปกรณ์เครื่องครัวได้แต่ควรอยู่ห่างและใช้เวลาที่สั้นในบริเวณนั้น ควรอยู่ห่างจากเครื่องตรวจโลหะและแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยว่ามีการติดตั้งเครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจอยู่ในตัว และควรอยู่ห่างจากการเชื่อมไฟฟ้าหรือแหล่งกำเนิดไฟฟ้าอย่างน้อย 2 ฟุต

นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนทางการแพทย์บางชนิดที่มีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ เช่น

• การตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic resonance imaging = MRI)
• รังสีรักษา (Therapeutic radiation)
• การลสายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก (Shock-wave lithotripsy)
• การจี้ด้วยไฟฟ้าเพื่อหยุดเลือดระหว่างการผ่าตัด (Electrocauterization)

การตรวจสอบเครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจควรทำหลังการผ่าตัด 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะได้มีการปรับจูนเครื่องเพื่อยืดอายุการใช้งานได้

หลังจากนั้นแพทย์อาจนัดตรวจเครื่องเครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจทางไกลเป็นประจำทุก 3 เดือน และควรทำการตรวจครั้งใหญ่อย่างน้อยปีละครั้ง ทั้งนี้เครื่องอาจหยุดการทำงานได้จากสาเหตุ

• สายลวดหลุดหรือแตก
• แบตเตอรี่หมดอายุหรืออ่อนกำลัง
• เป็นโรคหัวใจมากกว่าเดิม
• อุปกรณ์อื่นขัดขวางการทำงานของสัญญาณไฟฟ้า

โดยทั่วไปแบตเตอรี่จะมีอายุระหว่าง 5-15 ปี (เฉลี่ยอยู่ที่ 6-7 ปี) ขึ้นกับการใช้งาน การเปลี่ยนแบตเตอรี่จะยุ่งยากน้อยกว่าการติดตั้งครั้งแรก นอกจากนี้อาจมีการเปลี่ยนชุดคอมพิวเตอร์หรือสายลวดด้วย

ทั้งนี้ หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที

• หายใจลำบาก
• น้ำหนักตัวเพิ่ม ขาและข้อเท้าบวม
• รู้สึกจะเป็นลม (Faint) หรือเวียนศีรษะ
• สัญญาณการเต้นของหัวใจตกลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด
• เครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจติดตั้งให้เดินช้า (Fast-slow type) แต่การเต้นของหัวใจกับเร็วผิดปกติ

บรรณานุกรม

1. What Is a Pacemaker? [2015, July 5].
2. Pacemaker. [2015, July 5].
3. Living With Your Pacemaker. [2015, July 5].
4. Abnormal Heart Rhythms and Pacemakers. [2015, July 5].