อาหารตามกรุ๊ปเลือด แนะสูตรกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

อาหารตามกรุ๊ปเลือด
ตามที่เราทราบกันดีว่า ปัจจัยพื้นฐาน 4 อย่าง คือสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่ง “อาหาร” จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่คนกลับไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ถ้าร่างกายนำไปใช้ได้ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยหล่อเลี้ยงและซ่อมแซมร่างกาย แต่ถ้านำไปใช้ไม่ได้ก็จะก่อให้เกิดความเป็นพิษและเร่งความเสื่อมของร่างกาย ทำให้เกิดความเจ็บป่วยตามมาในที่สุด “โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอาหารนั้น ๆ มีประโยชน์หรือไม่ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าอาหารนั้น ๆ เหมาะกับร่างกายของเราหรือไม่ต่างหาก

ทำไมต้องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ?
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด เป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานแล้วว่า ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดย ดร.ปีเตอร์ ดี อาดาโม ผู้ที่ได้รับรางวัลแพทย์ธรรมชาติบำบัดยอดเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ.1990 ได้อธิบายไว้ในหนังสือ Eat Right for Your Type โดยเขาเชื่อว่า “เลือดแต่ละกรุ๊ปมีสารเคมีในเลือดที่แตกต่างกัน โดยมีแอนติเจนกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งอาหารทุกชนิดล้วนมีโปรตีนที่เป็นอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการเหนี่ยวนำและจับเกาะติดเลือดที่เรียกว่า “เลกติน” ถ้าเรากินอาหารที่มีเลกตินไม่เหมาะกับเลือด ก็จะทำให้เลกตินเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญ การสร้างอินซูลิน และความสมดุลของฮอร์โมน

จากความแตกต่างของสารเคมีในเลือดนี่เอง จึงทำให้เลือดแต่ละกรุ๊ปมีความสามารถในการย่อยต่างกัน ถ้าสามารถย่อยได้หมด ร่างกายก็จะนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าย่อยไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ในร่างกายและเน่าเสีย เมื่อถูกดูดซึมกลับไปอีกครั้งก็จะทำให้ร่างกายป่วยง่ายขึ้น (แต่ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มาสนับสนุนแนวคิดของ ดร.ปีเตอร์ ดี อาดาโม ที่ว่าหมู่เลือดกับอาหารนั้นมีความสัมพันธ์กัน แต่ลองทานกันดูก็ไม่เสียหายครับ – ผู้เขียน)

สรุปก็คือ การกินอาหารไม่ตรงตามกรุ๊ปเลือดจะมีผลให้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ภูมิแพ้ และมีความเสื่อมตามเซลล์และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เร็วขึ้น

วิธีสังเกตว่าเรากินอาหารได้เหมาะสมแล้วหรือยัง ?
เริ่มต้นจากให้เราพยายามสังเกตและจดทุกอย่างที่เรากินหรือมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น เช่น วันนี้กินอะไรเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง จากนั้นก็ทำการจดบันทึกอาหารประจำวัน เพื่อเช็กว่าเรากินอาหารได้อย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง ซึ่งเราอาจพบว่าตัวเองกินอาหารไม่เหมาะสมมาตลอดก็ได้

ส่วนผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก หลาย ๆ คนคิดว่าความอ้วนมาจากการกินเยอะ จึงพยายามกินอาหารให้น้อยลง จนร่างกายขาดสารอาหาร สมองจึงไม่สั่งให้หยุดกิน ทำให้เรากินอะไรเข้าไปแล้วไม่รู้สึกอิ่ม ร่างกายจึงได้รับอาหารมากเกินไป ทั้งที่ยังไม่ได้สารอาหารที่ต้องการ แต่ถ้าเรากินอาหารตามกรุ๊ปเลือดได้อย่างเหมาะสม สมองก็จะรับรู้และทำให้รู้สึกอิ่ม ปริมาณอาหารที่กินก็น้อยลง ทำให้มีรูปร่างสมส่วนมากขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าเราจะกินอาหารที่ดีมากแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของเรา มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

สำหรับคนไทยกับชาวต่างชาติ แม้จะมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน แต่ก็ควรกินอาหารต่างกันตามภูมิประเทศที่อยู่ด้วย เพราะอาหารแต่ละชนิดจะเหมาะกับคนในภูมิประเทศนั้น ๆ เนื่องจากมีสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดว่าคนท้องที่ใดควรกินอาหารแบบใด เช่น คนไทยที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศที่มีอากาศหนาวมาก ๆ แต่ก็ยังกินอาหารเหมือนเดิม เช่น น้ำพริก ส้มตำ ฯลฯ และหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกชีส ขนมปัง หรือเหล้าที่นิยมดื่มเพื่อให้ความอบอุ่นหลังอาหาร ก็อาจทำให้เจ็บป่วยได้ สรุปแล้วไม่ว่าคุณจะเป็นคนกรุ๊ปเลือดใดก็ตาม ก็ควรจะกินอาหารให้เหมาะกับภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้วย จึงจะดีที่สุด 🙂

อายุมีผลต่อกรุ๊ปเลือดหรือไม่ ?
ความจริงแล้วโรคภูมิแพ้และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ล้วนมีอายุเป็นตัวแปรเสมอ เช่น เด็กและคนชราที่ร่างกายมีความอ่อนแออยู่แล้ว จะมีโอกาสป่วยหรือเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ ได้มากกว่าคนหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรง ดังนั้นการกินตามกรุ๊ปเลือดจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ร่างกายของทุกคนมีความแข็งแรงตามช่วงอายุ ถ้าเรากินเป็นประจำจนระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีแล้ว ก็จะส่งผลให้ร่างกายของเราแข็งแรงไปจนถึงวัยชรานั่นเอง

ความสัมพันธ์ของอาหารกรดและด่างกับกรุ๊ปเลือด
ปกติแล้วอาหารที่มีค่า pH 7.4 หรือมีความเป็นด่างอ่อน ๆ คือ ระดับที่เหมาะสมที่สุด แต่เมื่อเรากินเข้าไปจะเกิดการย่อยโดยกรดในกระเพาะอาหาร หากเรากินอาหารที่มีกรดมาก ๆ อย่าง เนื้อสัตว์ แป้ง หรือไขมัน อาหารเหล่านี้ก็จะไปเพิ่มความเป็นกรดและความเข้มข้นของเลือดให้มากขึ้น จนทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลงหรือติดขัดได้ ส่งผลทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะตัวกันและเกิดเป็นประจุบวก เมื่อออกซิเจนน้อยลงจนเซลล์ไม่สามารถนำไปใช้งานได้เพียงพอ ก็จะส่งผลทำให้หัวใจขาดออกซิเจน จนเกิดการช็อกหรือสลบได้ (ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต) ดังนั้นเราจึงควบคุมปริมาณของกรดและด่างในร่างกายให้สมดุล

สรุป ปริมาณของกรดและการรับประทานเนื้อสัตว์นั้นมีความสัมพันธ์กัน ถ้าเรามีกรดในกระเพาะอาหารมาก ก็จะย่อยอาหารจำพวกโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ได้มาก แต่ถ้ามีกรดในกระเพาะน้อยก็ต้องเน้นการรับประทานผักแทนเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมอาหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าแบ่งตามกรุ๊ปเลือดแล้วก็จะสามารถสรุป (เรียงลำดับจากมากไปน้อย) ได้ดังนี้

หมายเหตุ : สาเหตุที่กรุ๊ปโอต้องกินผักมากเป็นอันดับ 2 ทั้ง ๆ ที่ย่อยอาหารจำพวกเนื้อได้ดี นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อกินเนื้อมาก ก็ต้องกินผักในปริมาณมากด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการชดเชย ป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียสมดุลจนเกิดโรคได้

กรุ๊ป O

คนกรุ๊ปโอ จะเป็นคนที่กินเนื้อได้เยอะที่สุด เนื่องจากกระเพาะมีความเป็นกรดสูง ทำให้ย่อยอาหารจำพวกเนื้อได้ดีกว่ากรุ๊ปอื่น ๆ แถมยังดูดซึมสารอาหารได้ดี สามารถนำไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่เพื่อความสมดุลของร่างกาย จึงไม่ควรกินเนื้อมากเกินไป โดยมีวิธีแก้คือกินผักให้มากขึ้น หรือกินในอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของอาหารแต่ละมื้อ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ คนกรุ๊ปเลือดโอมักจะมีปัญหาเรื่องระดับฮอร์โมนไทรอยด์ไม่คงที่ จึงทำให้อ้วนได้ง่าย หากต้องการลดน้ำหนักควรเลือกที่จะงดคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว, แป้ง, น้ำตาล รวมไปถึงถั่วชนิดต่าง ๆ เพราะจะทำให้น้ำหนักขึ้นง่ายกว่าปกติ และควรระมัดระวังในเรื่องของเลือดแข็งตัวช้า เพราะคนกรุ๊ปนี้จะมีเลือดที่มีความเหลวมากที่สุด ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคด้วย เพื่อช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น ส่วนการออกกำลังกายให้เน้นการเล่นกีฬาที่ออกแรงมาก ๆ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ ก็จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี

อาหารตามกรุ๊ปโอ

กรุ๊ป A

คนกรุ๊ปเอ เรียกได้ว่าเป็นนักมังสวิรัติเลยก็ว่าได้ เพราะคนกรุ๊ปเลือดเอจะกินเนื้อสัตว์ได้น้อยที่สุดและต้องกินผักที่สุด เนื่องจากมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำมากและมีความเข้มข้นของเลือดสูง ถ้ากินเนื้อสัตว์บ่อย ๆ จะทำให้เลือดหนืดและไหลเวียนช้า ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ และยังมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งและเบาหวาน รวมไปถึงปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก การรับประทานมังสวิรัติจะช่วยทำให้เห็นผลได้เร็วมาก แถมยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย ส่วนการออกกำลังกายให้เน้นออกกำลังกายแบบเบา ๆ ไม่ออกแรงมากนัก เช่น โยคะ และเมื่อมีความเครียดก็แก้ไขได้ด้วยการนั่งสมาธิเป็นประจำ

อาหารตามกรุ๊ปเอ

กรุ๊ป B

คนกรุ๊ปบี เป็นกรุ๊ปที่ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นทางอาหารสูง คือ กินได้ทั้งเนื้อสัตว์และผักในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะมีความเข้มข้นของเลือดอยู่ในระดับกำลังดี แต่ปัญหาคือ จะเป็นคนอ้วนง่ายและภูมิคุ้มกันบกพร่องง่าย บางรายอาจมีปัญหาเรื่องการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ มีระบบประสาทไม่ค่อยดี มีอาการปวดตามข้อเป็นประจำ และมีโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ตัวเอง แต่คนกรุ๊ปเลือดบีจะไม่มีแนวโน้มเป็นโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจเหมือนคนกรุ๊ปเอ สำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงข้าวโพด งา ถั่ว และมะเขือเทศ เพราะมีผลต่อการสร้างอินซูลินและระบบเผาผลาญอาหาร การออกกำลังกายควรออกกำลังกายแบบไม่หักโหมมากนัก แต่ก็ไม่เบาจนเกินไป เช่น เล่นเทนนิส ศิลปะป้องกันตัว การปีนเขา เป็นต้น

อาหารตามกรุ๊ปบี

กรุ๊ป AB

คนกรุ๊ปเอบี เป็นกรุ๊ปที่ผสมระหว่างกรุ๊ปเอและบี ดังนั้นจึงกินอาหารที่ใกล้เคียงกับสองกรุ๊ปนี้ได้ เพียงแต่จะกินเนื้อสัตว์ได้น้อยกว่าคนกรุ๊ปบี และไม่ต้องกินผักมากเท่ากับคนกรุ๊ปเอ เพราะคนกรุ๊ปเลือดเอบีมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ ที่สำคัญคือควรงดอาหารหมักดองทุกชนิด เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ และมักมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน ส่วนใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักก็ให้เน้นรับประทานผักใบเขียวให้มาก ๆ สามารถกินข้าวและขนมปังได้บ้าง เพราะแป้งไม่มีผลทำให้คนกรุ๊ปนี้อ้วนได้ง่ายเหมือนคนกรุ๊ปโอ ในเรื่องของการออกกำลังกาย ให้เน้นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ด้วยการเดินช้า ๆ เล่นโยคะ เป็นต้น

อาหารตามกรุ๊ปเอบี

หมายเหตุ : อาหารที่แนะนำให้รับประทาน หมายถึง อาหารที่กินได้บ่อย ๆ ส่วนอาหารที่ควรงดหรือหลีกเลี่ยง หมายถึง อาหารที่ไม่ควรกินเลย แต่ถ้าจำเป็นต้องกิน ให้กินในปริมาณน้อย และพยายามกินอาหารที่เหมาะสมเข้าไปทดแทนในทันทีด้วย สำหรับอาหารอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้สามารถกินได้นาน ๆ ครั้ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กรุ๊ป O
  • 2 กรุ๊ป A
  • 3 กรุ๊ป B
  • 4 กรุ๊ป AB
เรื่องที่น่าสนใจ