อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ 14 วิธี

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis, Lower Urinary tract infection) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงจะสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมาก เชื้อโรคจากบริเวณดังกล่าวจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าผู้ชาย

โรคนี้สามารถป้องกันและรักษาได้ง่าย ๆ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามขึ้นไปที่ไตทำให้เป็นกรวยไตอักเสบ และถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อน ซึ่งยากแก่การเยียวยารักษาได้

ผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ในทุกช่วงของชีวิต นับตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ (พบได้สูงในช่วงอายุ 20-50 ปี) พบได้มากในผู้หญิงที่ชอบกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ หรือในหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ส่วนในผู้ชายนั้นมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยมาก เนื่องจากมีสรีระที่ยากต่อการติดเชื้อ ถ้าพบว่าเป็นก็มักจะมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เนื้องอกกระเพาะปัสสาวะ ก้อนเนื้องอกในช่องท้อง ต่อมลูกหมากโต หรือมีความผิดปกติทางโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบพบได้ทั้งจากการอักเสบเฉียบพลัน ที่มีอาการเกิดขึ้นทันทีและรักษาหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือจากการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการอักเสบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ แต่จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าการอักเสบเฉียบพลัน

สาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มแกรมลบที่มีอยู่ในอุจจาระของคนเรา เช่น อีโคไล (E.coli), เคล็บซิลลา (Klebsiella), สูโดโมแนส (Pseudomonas), เอนเทอโรแบกเตอร์ (Enterobacter) เป็นต้น (แต่ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 75-95% เกิดจากเชื้ออีโคไล) ซึ่งเชื้อเหล่านี้จะมีอยู่มากที่บริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก เนื่องมาจากการชำระหลังถ่ายอุจจาระไม่ถูกต้องสมบูรณ์ เชื้อโรคจึงปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะ เข้ามาในกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่ปกติท่อปัสสาวะจะสั้นและอยู่ใกล้กับทวารหนัก จึงง่ายที่เชื้อโรคจะปนเปื้อนเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ

ส่วนในผู้ชายจะมีโอกาสติดเชื้อได้น้อยมาก เนื่องจากมีท่อปัสสาวะยาวและอยู่ห่างจากทวารหนักมาก อีกทั้งเมื่อเชื้อโรคเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีการถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวดก็จะสามารถขับเอาเชื้อโรคนั้นออกมาได้ จึงไม่ทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ แต่ในกรณีที่กลั้นปัสสาวะนาน ๆ เช่น รถติดหรือเดินทางไปต่างจังหวัด (ไม่มีห้องน้ำให้เข้าหรือกลัวการใช้ห้องน้ำสาธารณะที่ไม่สะอาด) หรือหน้าน้ำท่วมที่ไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะกลัวสัตว์มีพิษ หรือนอนกลางคืนแล้วขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือทำอะไรเพลิน ๆ จนลืมเข้าห้องน้ำ เป็นต้น เชื้อโรคที่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะจึงมีเวลานานพอที่จะแบ่งตัวเจริญแพร่พันธุ์ จนทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ เกิดอาการขัดเบาขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงมักพบได้ในผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ระมัดระวังการชำระล้างทวารหนักและชอบกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ

ในผู้หญิงที่แต่งงานใหม่หรือหลังร่วมเพศ อาจมีอาการขัดเบาแบบกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เรียกว่า “โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากฮันนีมูน” (Honeymoon cystitis) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการฟกช้ำจากการร่วมเพศ แล้วทำให้มีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ

สาเหตุกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ในบางคนยังอาจมีเหตุชักนำให้เกิดโรคนี้ได้มากกว่าทั่วไป (จัดเป็นกลุ่มเสี่ยง) เช่น

อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ผู้ป่วยจะมีอาการขัดเบา คือ ถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย (ออกมาทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง) รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ โดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด มักต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมงหรือชั่วโมงละหลายครั้ง มีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุดอยู่ตลอดเวลา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยหรือบริเวณหัวหน่าวร่วมด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น สีมักใส แต่บางรายปัสสาวะอาจมีสีขุ่นหรือมีเลือดปน มักไม่มีไข้ (ยกเว้นถ้ามีกรวยไตอักเสบร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะสีขุ่น และมีอาการปวดเอวร่วมด้วย) ส่วนในเด็กเล็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน และอาจมีไข้ เบื่ออาหาร อาเจียนร่วมด้วย โดยอาการมักเกิดขึ้นหลังกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ มีการสวนปัสสาวะ หรือหลังจากการร่วมเพศ

อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ภาวะแทรกซ้อนของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ส่วนมากโรคนี้มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามขึ้นไปที่ไตทำให้เป็นกรวยไตอักเสบ และถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนได้ ส่วนในผู้ชายเชื้ออาจลุกลามเข้าไปทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ

นอกจากนี้ เมื่อการอักเสบติดเชื้อรุนแรง อาจลุกลามเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสเลือดจนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

แพทย์มักวินิจฉัยโรคนี้ได้จากอาการที่แสดง คือ อาการขัดเบา ถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ส่วนในรายที่มีอาการแยกจากสาเหตุอื่นไม่ชัดเจน หรือเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง อาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจปัสสาวะ (ถ้าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะพบปริมาณเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะมากกว่าปกติ) นำปัสสาวะไปเพาะหาเชื้อซึ่งจะพบเชื้อที่เป็นต้นเหตุ การตรวจเลือด การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy)

ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติที่ชัดเจน บางรายอาจมีอาการกดเจ็บเล็กน้อยตรงกลางท้องน้อย

ในเด็กเล็กที่มีอาการปัสสาวะรดที่นอนบ่อย ๆ หรือมีไข้ และอาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรนึกถึงโรคนี้ไว้เสมอ ซึ่งการตรวจปัสสาวะจะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้แน่ชัด

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจาก

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของอาการขัดเบา แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอื่น ๆ อีกหลายชนิดที่อาจมีอาการแสดงคล้ายกับโรคนี้ หากสงสัยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัดและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น

ปัสสาวะบ่อยมีหลายสาเหตุ

ในคนปกติถ้าดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว (1,500-2,000 ซี.ซี.) จะปัสสาวะประมาณวันละ 3-5 ครั้ง และหลังเข้านอนจะไม่ตื่นมาปัสสาวะเลย แต่อาการปัสสาวะบ่อย ๆ (มากกว่า 5 ครั้งต่อวัน) อย่าเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพียงอย่างเดียว เพราะอาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้

  1. ไตขับปัสสาวะมากกว่าปกติจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ดื่มน้ำมาก, รับประทานยาขับปัสสาวะเนื่องจากเป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งส่งผลให้ปัสสาวะที่มากักเก็บในกระเพาะปัสสาวะเต็มเร็ว จึงปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ (มากกว่า 5 ครั้งต่อวัน) และอาจต้องตื่นมาปัสสาวะหลังเข้านอนแล้วประมาณไม่เกิน 2 ครั้ง ที่สำคัญผู้ป่วยจะมีปริมาณปัสสาวะแต่ละครั้งเท่าคนปกติ (ประมาณ 350-500 ซี.ซี.) เมื่อตรวจปัสสาวะจะไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด
  2. มีความผิดปกติที่กระเพาะปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บปัสสาวะได้นาน ปวดปัสสาวะเร็ว บางคนอาจปัสสาวะทุก 1-2 ชั่วโมง ที่สำคัญคือจะปวดปัสสาวะหลังนอนหลับแล้วตอนดึกก่อนถึงเช้าทุก ๆ คืนมากกว่า 2 ครั้ง ครั้งละน้อยกว่าปกติ (ไม่ถึง 300 ซี.ซี.) เช่น
    • กระเพาะปัสสาวะเล็กขยายไม่ได้ เนื่องมาจากถูกฉายแสงรักษามะเร็งปากมดลูก เป็นวัณโรคกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ผนังกระเพาะปัสสาวะชั้นกล้ามเนื้อขยายเพื่อเก็บปัสสาวะมากไม่ได้ หรือมีเนื้องอกขนาดใหญ่ในมดลูก หรือหญิงตั้งครรภ์มากกว่า 6 เดือน มดลูกจึงกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เก็บปัสสาวะไม่ได้และปัสสาวะบ่อย ๆ
    • มีสิ่งแปลกปลอมในกระเพาะปัสสาวะ เช่น ก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เนื้องอกขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ปัสสาวะบ่อย
  3. ประสาทควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติ ทำให้ผนังกล้ามเนื้อทำงานบีบตัวบ่อย จำเป็นต้องตรวจการทำงานของกระเพาะปัสสาวะด้วยเครื่องมือพิเศษเพื่อตรวจการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
  4. มีความผิดปกติทางจิตใจ เช่น มีความเครียดจากการทำงาน มีปัญหาครอบครัว กลัวโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากจะปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางวันหรือหัวค่ำ เมื่อหลับแล้วจะไม่ตื่นมาปัสสาวะอีก เนื่องจากไม่มีความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ

วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โดยทั่วไปกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคไม่รุนแรง ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก็มักจะหายขาด แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาหรือเป็น ๆ หาย ๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้

วิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ในผู้ที่เคยเป็นโรคนี้และรักษาหายแล้วควรป้องกันมิให้เป็นซ้ำโดยการ

กระเพาะปัสสาวะอักเสบวิธีรักษา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 860-862.
  2. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 298 คอลัมน์ : สารานุกรมทันโรค.  “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [23 มิ.ย. 2016].
  3. หาหมอดอทคอม.  “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [23 มิ.ย. 2016].
  4. ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.  “โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้หญิง”.  (ศ.เกียรติคุณ นพ.ธงชัย พรรณลาภ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.si.mahidol.ac.th.   [24 มิ.ย. 2016].

ภาพประกอบ : www.theayurveda.org, www.wikihow.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 2 สาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 3 ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 4 อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 5 ภาวะแทรกซ้อนของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 6 การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 7 วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 8 วิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • 9 เรื่องที่เกี่ยวข้อง
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ