on
อาการชา (Numbness)

อาการชา (Numbness) คืออาการที่เนื้อเยื่อรับความรู้สึกต่างๆได้ลดลงโดยเฉพาะอาการ เจ็บและการสัมผัส
อาการชาเกิดได้กับเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย แต่มักเกิดกับเนื้อเยื่อนิ้วมือ นิ้วเท้า มือ เท้า แขน
อาการชาเกิดจากมีการบาดเจ็บของเส้นประสาท ไขสันหลัง และ/หรือสมอง ในส่วนที่รับ รู้ความรู้สึกนั้นๆ ซึ่งมีสาเหตุได้หลายสาเหตุที่พบบ่อยเช่น
- ปลายประสาทอักเสบ/โรคเส้นประสาท (เช่น ในโรคเบาหวาน)
- เส้นประสาทถูกกดทับนานๆ (เช่น การนั่งนานๆ)
- โรคปวดหลังจากหมอนรองกระดูก
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- ภาวะร่างกายเสียสมดุลของเกลือแร่
- ร่างกายขาดวิตามินบางชนิดโดยเฉพาะวิตามิน บี 2
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- ดื่มสุราเรื้อรัง
- ติดบุหรี่
- การได้รับสารพิษต่างๆเช่น แพ้อาหาร การแพ้ยาบางชนิด
- แมลงบางชนิดกัด/ต่อย (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ บทความเรื่อง ผึ้ง ต่อ มด กัดต่อย : การปฐมพยาบาล การรักษาและการป้องกัน)
- และการได้รับโลหะหนักในปริมาณสูงจากอาหารและน้ำดื่มเช่น ตะกั่ว เมื่อเกิดอาการชา แขน ขา และ/หรือใบหน้า ร่วมกับมีกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆอ่อนแรงควร รีบไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน เพราะเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง
ปวด/เจ็บเท้า (Foot pain) เป็นอาการพบบ่อยในทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ สาเหตุที่ทำให้ปวดเท้าที่พบบ่อยคือ ใส่รองเท้าไม่เหมาะสม รัดหรือหลวมเกินไป ใช้เท้ามากเกินเหตุโดย ไม่ได้พักเท้า มีตาปลาหรือมีหูดที่เท้า มีรูปเท้าผิดปกติตั้งแต่เกิด ฝ่าเท้าแบนผิดปกติ
สาเหตุอื่นที่พบได้คือ เอ็นและ/หรือเนื้อเยื่อต่างๆของเท้าอักเสบจากใช้เท้ามากเกินเหตุ มีโรคข้ออักเสบเรื้อรังจากสาเหตุต่างๆเช่น โรคข้อรูมาตอยด์ โรคเกาต์ มีปุ่มกระดูกงอกที่เท้า (มักพบในผู้สูงอายุ) ภาวะกระดูกร้าวจากใช้งานเท้ามากเกินไป (Stress fracture) จากปลายประสาทอักเสบเช่น จากโรคเบาหวาน จากเท้าขาดเลือดจากปัญหาการไหลเวียนโลหิตเช่น โรคหลอดเลือดขอดของขาหรือจากโรคหลอดเลือดอักเสบ โรคหลอดเลือดแดงแข็งเช่น ในโรคเบาหวาน นอกจากนี้คือการแบกรับน้ำหนักของเท้าจากโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกิน
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดเท้าคือ
- พักการใช้งานเท้าจนกว่าอาการจะดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักบนเท้า
- พันผ้ายืด (Elastic bandage) รอบเท้าเพื่อช่วยพยุงเท้า
- เลือกใช้รองเท้าที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- ยกเท้าให้สูงเมื่อนั่งหรือนอน
- กินยาแก้ปวดพาราเซตามอล (Paracetamol)
ควรพบแพทย์/แพทย์โรคกระดูกเมื่อ
- ดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้วอาการปวดเท้าไม่ดีขึ้นภายใน 3 - 4 วัน
- เจ็บ/ปวดเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ
- เท้าบวม
- นิ้วเท้าสีเขียวคล้ำและ/หรือเท้าเย็นผิดปกติ
- เท้ามีอาการของการอักเสบ (ปวด บวม แดง ร้อน อาจมีไข้)
- อาการปวดเท้าเกิดหลังมีอุบัติติเหตุเพราะอาจมีกระดูกเท้าร้าวได้
- เมื่อเป็นโรคเบาหวานเพราะอาจเป็นผลข้างเคียงจากโรคเช่น ปลายประสาทอัก เสบและ/หรือหลอดเลือดเท้าอักเสบ
Updated 2015, May 16