on
อะดีนอยด์โต (ตอนที่ 2 และตอนจบ)
1 ตุลาคม 2017
การรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง หากไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ แพทย์อาจให้รอดูอาการเพื่อให้ต่อมหดตัวลงเองเมื่อโตขึ้น บางกรณีอาจมีการให้ยาสเตียรอยด์เพื่อให้ต่อมหดตัวลง หรือหากไม่หายแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าต่อมอะดีนอยด์ออก (Adenoidectomy) ในกรณีดังต่อไปนี้
- เด็กมีการติดเชื้อบ่อยที่สามารถทำให้เป็นไซนัสและการติดเชื้อที่หูซึ่งอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน
- ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (Antibiotic treatments)
- มีอาการต่อมโตมากกว่า 5-6 ครั้งต่อปี
- อาการป่วยทำให้เด็กขาดเรียนบ่อย
และหากเด็กมีการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลบ่อยด้วย แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้ตัดต่อมทอนซิล (Tonsillectomy) ไปด้วยพร้อมกัน
สำหรับการผ่าตัดจะไม่มีการกรีดผิวหนังแต่อย่างใด แต่เป็นการใช้เครื่องมือสอดผ่านทางปากเพื่อตัดต่อมออก แล้วจึงปิดแผลด้วยการจี้ด้วยความร้อน (Cauterizing) โดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยอาจกลับบ้านได้เลยในวันนั้นหรือรอดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน
หลังการตัดต่อมอะดีนอยด์ออกแล้ว เด็กอาจมีอาการดังนี้
- เจ็บคอ
- เป็นไข้
- เลือดออก
- เจ็บหู
- จมูกตัน (Blocked nose)
- ตกสะเก็ดในปาก (Scabs)
ซึ่งแพทย์อาจจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยาลดไข้แก้ปวด ส่วนผู้ปกครองควร
- ให้เด็กดื่มน้ำให้มากเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ให้เด็กกินของเย็น เช่น มิลค์เชค ไอศครีม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงของร้อนในสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
- อาจใช้การประคบเย็นบริเวณคอเด็ก เพื่อลดอาการปวดบวม
- ให้เด็กงดกิจกรรมหนักชั่วคราว
ทั้งนี้ การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงในการเลือดออกและติดเชื้อบริเวณที่ผ่า
สำหรับการป้องกันที่ทำได้ คือ การรักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรง เพื่อให้สามารถต่อต้านกับการติดเชื้อหรืออาการภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุทำให้ต่อมโต
แหล่งข้อมูล:
- Adenoiditis. [2017, September 30].
- Enlarged Adenoids. [2017, September 30].
- What is Adenoid Hypertrophy? [2017, September 30].
- Adenoid Removal. [2017, September 30].