อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก ชัก ที่ควรทราบ

2 เมษายน 2013

เมื่อพูดถึงคำว่าชัก ทุกคนจะคิดถึงภาพที่คนมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว กัดฟันแน่น น้ำลายฟูมปาก ถูกเรียกแล้วไม่รู้สึกตัว จึงไม่แปลกใจที่ทุกคนจะกลัวการชักเป็นชีวิตจิตใจ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก แต่จริงๆแล้ว อาการชักไม่ใช่มีเพียงรูปแบบข้างต้นเท่านั้น ยังมีการชักอีกหลายรูปแบบ ผมจะขอกล่าวถึงการชักแต่ละชนิดเพื่อให้ท่านได้เข้าใจ

การชัก คือ ความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ 1-3 นาที ถ้าการชักนั้นเกิดขึ้นโดยไม่มีการกระตุ้นตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป เรียกว่า โรคลมชัก

การชักมีสาเหตุหลากหลายขึ้นกับกลุ่มอายุ ดังนี้

  1. กลุ่มทารกแรกเกิด สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ การติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ ภาวะขาดออกซิเจนหรือการกระทบกระเทือนที่ศีรษะระหว่างคลอดและขาดวิตามินบี 6
  2. กลุ่มเด็ก สาเหตุที่พบบ่อยคือ การติดเชื้อในสมอง
  3. กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ สาเหตุที่พบบ่อยคือ อุบัติเหตุที่ศีรษะและโรคเนื้องอกในสมอง
  4. กลุ่มผู้สูงอายุ สาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคหลอดเลือดสมองและโรคเนื้องอกสมอง

ทั้งนี้ อาการชักนั้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นกับตำแหน่งของรอยโรคว่าอยู่ในสมองส่วนใด สมองส่วนนั้นมีหน้าที่อะไร สมองของคนเราประกอบด้วย 1.สมองส่วนหน้า 2.สมองส่วนขมับ 3.สมองส่วนหลัง และ 4.สมองน้อย

ดังนั้น ถ้ามีรอยโรคอยู่สมองส่วนใดและมีอาการชักเกิดขึ้นก็จะมีความผิดปกติของหน้าที่ของสมองส่วนนั้น ผู้ป่วยก็จะแสดงอาการชักออกมาในรูปแบบต่างๆ

เพื่อให้ง่ายในการเข้าใจว่าการชักนั้นมีรูปแบบใดบ้าง ทางการแพทย์แบ่งการชักเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้

  1. การชักเฉพาะที่
  2. การชักทั้งตัว

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอาการชักนั้นมีหลายรูปแบบ ลักษณะสำคัญที่ต้องสงสัยว่าเป็นอาการชักหรือไม่ คือ การที่ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ อะไรก็ตามที่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เป็นๆ หายๆ และทุกครั้งที่เป็นซ้ำ จะมีอาการคล้ายกัน